อะโวคาโด พืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ จ.เลย สร้างกำไรงาม จับตลาดคนรักสุขภาพ

ข่าวทั่วไป Wednesday February 12, 2020 11:13 —ThaiPR.net

อะโวคาโด พืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ จ.เลย สร้างกำไรงาม จับตลาดคนรักสุขภาพ กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า "อะโวคาโด (Avocado)"เป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของจังหวัดเลย สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันมีกระแสความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มผู้รักสุขภาพและความงาม เนื่องจาก อะโวคาโด เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากนี้ ยังสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีสภาพดินอุดมสมบูรณ์ เนื้อดินลึก และน้ำไม่ท่วมขัง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) ได้ติดตามสถานการณ์การผลิตอะโวคาโดในพื้นที่จังหวัดเลย พบว่า มีพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 593 ไร่ พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอภูเรือ ด่านซ้าย และนาแห้ว โดยปลูกเฉลี่ย 3 ไร่/ครัวเรือน (ประมาณ25 ต้น/ไร่) เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์ปีเตอร์สัน เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่มีผลใหญ่ เมื่อผลโตเต็มที่ประมาณ 2-3 ผล/1 กก. และพันธุ์แฮส ซึ่งเป็นพันธุ์การค้าที่ผู้บริโภคนิยม โดยเกษตรกรที่เพาะปลูกอะโวคาโด มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 6,339 บาท/ไร่ (เริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 4 และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ระยะยาว) ราคาต้นพันธุ์เพาะเมล็ดแบบคละพันธุ์อยู่ที่ 50 – 80 บาท/ต้นหากเป็นต้นพันธุ์เสียบยอด ราคา 120-150 บาท/ต้น นิยมปลูกช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ระยะเวลาเก็บเกี่ยวช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 290 กก./ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 5,564 บาท/ไร่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาท/กก. ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางทั้งในและนอกจังหวัดเลยมารับซื้อเพื่อส่งขายต่อไปยังจังหวัดอื่น ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี ชลบุรี และกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีพ่อค้าบางรายนำมาวางจำหน่ายที่ร้านบริเวณริมทางถนนเลย – ภูเรือ มีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 60 – 100 บาท/กก. สำหรับผลผลิตอะโวคาโดของจังหวัดเลย มีอายุอยู่ในช่วง 4 – 5 ปี โดยจะเริ่มให้ผลผลิตในปีแรก แต่ยังไม่มาก ทั้งนี้ เกษตรกรควรเลือกสายพันธุ์ตามความต้องการของตลาดและเป็นพันธุ์แท้ ควรปลูกในที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง และต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์ใต้โคนต้นทุกปี รวมถึงต้องเก็บเกี่ยวเฉพาะผลที่แก่จัดเท่านั้น จึงจะได้ผลผลิตที่มีรสชาติดี หวานมัน ไม่ฝาด เนื้อนิ่มแน่น ไม่เละ ไม่มีเสี้ยน มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ด้านนางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการ สศท.3 กล่าวเสริมว่า จังหวัดเลย มีการสนับสนุนเกษตรกรในการปลูกอะโวคาโด ภายใต้โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นไม้ผล ทำให้จำนวนเกษตรกรและพื้นที่เพาะปลูกอะโวคาโดของจังหวัดเลยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตควรมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอะโวคาโดในรูปของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ ด้านหน่วยงานภาครัฐ เอกชนสถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย ควรสนับสนุนการวิจัยการพัฒนาพันธุ์ที่มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด และองค์ความรู้ให้กับเกษตรกร เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันในตลาดโลก โดยการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการการผลิต แนวทางการลดต้นทุน รวมถึงส่งเสริมให้มีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตอะโวคาโด และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกอะโวคาโดเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจข้อมูลด้านการผลิตอะโวคาโด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.3 โทร. 04 229 2557 หรืออีเมล zone3@oae.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ