4 วิธีคุมกำเนิดแบบผิด ๆ ไม่อยากท้องต้องเลิกทำ

ข่าวทั่วไป Wednesday February 12, 2020 13:30 —ThaiPR.net

4 วิธีคุมกำเนิดแบบผิด ๆ ไม่อยากท้องต้องเลิกทำ กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์ รู้หรือไม่ หากคุมกำเนิดไม่ถูกวิธี เสี่ยงท้อง! รามาแชนแนล ชี้ 4 วิธีคุมกำเนิดแบบผิด ๆ ไม่อยากท้องต้องเลิกทำ อาทิ หลั่งนอก สวนล้างช่องคลอด ปัสสาวะทันทีหลังเสร็จกิจ หน้า 7 หลัง 7 วันวาเลนไทน์นอกจากจะเป็นวันแห่งความรักแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งวันที่วัยรุ่นนิยมมีเพศสัมพันธ์กันมากที่สุด จนทำให้เกิดปัญหา "ท้องไม่พร้อม" ในหมู่วัยรุ่นตามมา สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขาดความรู้และความเข้าใจในเรื่องการคุมกำเนิด ทำให้ไม่สามารถป้องกันการคุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากใครยังไม่พร้อมจะเป็นคุณพ่อคุณแม่วัยใส ขอเตือนว่าให้เลิกใช้วิธีคุมกำเนิดเหล่านี้ซะ - หลั่งนอก กลั้นอสุจิ การหลั่งนอกและการกลั้นอสุจิไม่ให้ไหลเข้าไปในช่องคลอดนั้นเป็นวิธีที่นิยมทำกันมากในหมู่วัยรุ่น เพราะสะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่าย และทำได้ทุกเมื่อ แต่การกลั้นไม่ให้อสุจิหลั่งเข้าไปในช่องคลอดไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้เลยว่าจะกลั้นได้ทั้งหมด เพราะอสุจิบางตัวอาจจะติดมากับสารหล่อลื่นที่ออกมาในขณะที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ฉะนั้นแล้วการหลั่งนอกหรือการกลั้นอสุจิจึงเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำมาก - สวนล้างช่องคลอด การสวนล้างช่องคลอด คือการใช้น้ำสวนเข้าไปในช่องคลอดเพื่อชำระคราบอสุจิออกมา ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่แนะนำที่สุด เพราะจะทำให้ภายในช่องคลอดได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังทำให้สภาพแวดล้อมในช่องคลอดเปลี่ยนไป เพิ่มโอกาสการติดเชื้อต่าง ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเชื่อที่ว่าหากใช้น้ำที่มีด่างผสมเขาไปล้างช่องคลอดจะช่วยให้ไม่ท้องซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมาก เพราะน้ำที่เป็นด่างจะทำให้สมดุลให้ช่องคลอดเสียแถมยังอันตรายและไม่ได้ลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ลงเลย - ปัสสาวะทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ การปัสสาวะทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์นั้น แท้จริงแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของท่อปัสสาวะ เพราะหลังการมีเพศสัมพันธ์จะมีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะสูง การที่ปัสสาวะออกมาทันทีจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ แต่ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์อย่างที่หลายคนเข้าใจ - หน้า 7 หลัง 7 หน้า 7 หลัง 7 หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Fertility Awareness Method คือการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันที่จะมีประจำเดือน 7 วัน และหลังวันแรกที่มีประจำเดือนอีก 7 วัน แม้จะเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีกว่าวิธีอื่นที่กล่าวมาข้างต้น แต่ก็มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงเหมือนกัน เพราะวิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงและประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ไม่เหมาะกับคนที่ประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน และต้องให้แน่ใจว่าเลือดที่ออกมาคือประจำเดือนจริง ๆ ไม่ใช่เลือดที่เกิดจากแผลหรือเลือดที่ออกอย่างผิดปกติ วิธีการคุมกำเนิดเหล่านี้เป็นความเชื่อผิดๆ ซึ่งไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรืออาจจะป้องกันไม่ได้เลย การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพนั้นมีอีกหลายวิธีที่สามารถใช้ได้จริง เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิด การฝังยาคุมกำเนิดหรือการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนินที่มีประสิทธิภาพมากพอ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวิธีไหนที่สามารถคุมกำเนิดได้ 100% เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทุกคนควรมีคือความพร้อมและสติในการฉุกคิดถึงความรับผิดชอบ ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง ข้อมูลโดย อ. พญ.อรวี ฉินทกานันท์ สาขาวิชาอนามัยการเจริญพันธุ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คลิกชมรายการได้ที่ : https://youtu.be/djzuT_ktYAY

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ