โค้งสุดท้ายสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนขาขึ้นกับ 3 กองทุน Super Savings Fund พิเศษ จาก บลจ.ไทยพาณิชย์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 15, 2020 15:10 —ThaiPR.net

โค้งสุดท้ายสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนขาขึ้นกับ 3 กองทุน Super Savings Fund พิเศษ จาก บลจ.ไทยพาณิชย์ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--ธนาคารไทยพาณิชย์ จากการที่รัฐบาลได้เพิ่มทางเลือกการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือ Super Savings Fund (SSF) แทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่ยกเลิกไปตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้นักลงทุนสามารถลงทุนรวมกับการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ต่อมาภาครัฐได้มีประกาศให้นักลงทุนสามารถลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมใน SSF พิเศษได้นอกเหนือจากสิทธิลดหย่อนเดิมอีกไม่เกิน 200,000 บาท โดยต้องลงทุนเพื่อรับสิทธิตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 30 มิ.ย. 2563 นี้เท่านั้น โดยเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้เปิดเสนอขาย Super Savings Fund (ชนิดเพื่อการออมพิเศษ) พร้อมกัน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยแอคทีฟ เพื่อการออม - SCB Thai Equity Active Super Saving Fund (SCBEQ-SSFX), กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ดัชนี SET เพื่อการออม - SCB SET Index Super Saving Fund (SCBSET-SSFX) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ผสม 70/30 เพื่อการออม - SCB Mixed 70/30 Super Saving Fund (SCB70-SSFX) ซึ่งทั้ง 3 กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนในทุกสภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้ง นักลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 1 บาทเท่านั้น และยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click, SCB EASY หรือผู้สนับสนุนการขายอื่นๆ อาทิเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ, บล.ไทยพาณิชย์, บมจ.หลักทรัพย์ ภัทร หรือ บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักลงทุนใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอย่างเต็มที่ซึ่งภาครัฐกำหนดให้มีเพียงปีนี้ปีเดียวเท่านั้น จึงได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน SFF พิเศษ รับหน่วยลงทุนกองทุนทองคำสูงสุดถึง 400 บาทอีกด้วย โดยปัจจุบัน บลจ.ไทยพาณิชย์ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของประเทศด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 26% (ที่มา: มอร์นิ่งสตาร์ ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2563) สำหรับกองทุน SCBEQ-SSFX เป็นกองทุนตราสารทุน ลงทุนในหุ้นไทยเฉลี่ยมากกว่า 80% เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็น High Conviction ของแต่ละโมเดลการลงทุน เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงสุด พร้อมทั้งผสมผสานหลากหลายโมเดลการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา โดยกองทุนนี้นับว่าเป็นกองทุนที่ให้ผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในกลุ่มกองทุน SSFX ทั้งหมด โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ 6.67% (ที่มา: SCBAM ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค 2563) และมีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 18.61% (ที่มา: SCBAM ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2563) กองทุน SCBSET-SSFX เป็นกองทุนรวมดัชนี เน้นลงทุนในตราสารทุน ไม่ต่ำกว่า 80% มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Optimized Portfolio เพื่อให้ได้พอร์ตที่มีสภาพคล่องสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนี SET มากที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นบลจ.เดียวในประเทศไทยที่บริหารจัดการกองทุนที่มีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามดัชนี SET มีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 15.64% (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2563) และกองทุน SCB70-SSFX เป็นกองทุนผสมที่กระจายการลงทุนในตราสารทุน REITs กองทุนอสังหาริมทรัพย์/โครงสร้างพื้นฐาน ประมาณ 65% -70% และลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากประมาณ 30% เพื่อช่วยเพิ่มเสถียรภาพและลดความผันผวนของพอร์ต รวมถึงโอกาสได้รับรายได้ระหว่างทาง มีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 12.66% (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2563) “สำหรับภาพรวมทิศทางการลงทุนหลังจากนี้ มีปัจจัยสนับสนุนหลักคือการทยอยกลับมาเปิดเมืองแม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรเพื่อกลับสู่ภาวะปกติอย่างแท้จริง ความคืบหน้าของการคิดค้นพัฒนาวัคซีน และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นรองรับความคาดหวังของการเปิดเมืองไปแล้วบางส่วน ทำให้การฟื้นตัวหลังจากนี้น่าจะเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวโน้มผลประกอบการ กลุ่มอุตสาหกรรมหลายๆ กลุ่มกำลังเผชิญกับความท้าทายที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในรูปแบบความปกติแบบใหม่ หรือ “New normal” ที่ต้องปรับตัวและดำเนินธุรกิจให้ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปหลังวิกฤติ COVID-19 ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ และช่วงนี้ถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายของการลงทุนเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งมีเพียงปีนี้ปีเดียวเท่านั้นกับการลงทุนผ่านกองทุน SSF พิเศษ ที่กำลังจะหมดลงในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ จึงนับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่ เนื่องจากวินัยในการออมถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนเรามีความมั่นคงอย่างยั่งยืนเราจึงไม่ควรพลาดโอกาสพิเศษในครั้งนี้ เพราะนอกจากประโยชน์จากการลดหย่อนทางภาษีแล้ว ยังถือเป็นโอกาสในการออมเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้เราอีกด้วย” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ