มาสเตอร์คูล แอร์นอกอาคาร ยิ้มรับยอดขาย 120 ล้านบาทในปี 47 ต่อยอดปี 48 ย้ำแบรนด์ และขยายตลาดด้วยการออกสินค้าใหม่รักษาความเป็นเบอร์ 1

ข่าวทั่วไป Thursday March 3, 2005 16:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
มาสเตอร์คูล แอร์นอกอาคาร ประกาศแผนรุกตลาดเต็มพิกัด หลังปี 47 สามารถสร้างแบรนด์และตัวสินค้าให้เป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งในและต่างประเทศ สานต่อแผนเชิงรุก พัฒนาแบบครบวงจร ตั้งแต่ตัวสินค้า ช่องทางการจำหน่าย และบริการหลังการขาย ให้สมกับการเป็นเบอร์ 1 ของตลาดแอร์นอกอาคาร ตั้งเป้าปี 48 ออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อเจาะกลุ่มครัวเรือนและธุรกิจขนาดย่อม (SME) พร้อมทั้งพัฒนารูปแบบการให้บริการ เพื่อเสริมความเย็นภายนอกอาคารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หากเป็นไปตามเป้า ในปี 48 จะมียอดขาย 170 ล้านบาท
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจระบบทำความเย็นภายนอกอาคารแบรนด์ "มาสเตอร์คูล" ของคนไทยที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เปิดเผยว่า ในปี 47 นั้น ถือเป็นปีแห่งการทำงานในด้านการวางระบบโดยรวมให้พร้อมเพื่อรุกตลาดอย่างเต็มที่ในปี 48 สืบเนื่องจากตลาดระบบทำความเย็นภายนอกอาคารนั้นถือได้ว่าเป็นตลาดใหม่ บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องให้ข้อมูลความรู้และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากตัวผลิตภัณฑ์ผสานกับการเจรจาเพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้หลายหลากเพื่อสะดวกในการซื้อยิ่งขึ้น รวมทั้งการวางระบบการบริการหลังการขายที่มีศักยภาพ และการขยายโรงงาน ตลอดจนการแต่งตั้งตัวแทนภาค เพื่อรองรับการรุกตลาดให้มีประสิทธิผลสูงสุด ทั้งนี้บริษัทฯ มิได้เน้นเฉพาะตลาดภายในประเทศ แต่ยังเน้นไปยังตลาดต่างประเทศด้วยเนื่องจากสินค้ามาสเตอร์คูล ที่รู้จักกันว่าเป็นแอร์นอกอาคารนั้น ยังถือเป็นสินค้าใหม่ของตลาดโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งการจะทำตลาดในระดับสากลนั้น จำเป็นที่จะต้องมีมาตรฐานตรงตามที่ประเทศนั้นๆ กำหนด ซึ่งก็เป็นที่น่าภาคภูมิใจว่าผลิตภัณฑ์มาสเตอร์คูล สามารถผ่านระบบทดสอบ โดยล่าสุดได้รับใบรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2000 จาก AJA และมาตรฐาน CE จากเยอรมัน รวมทั้งมาตรฐาน มอก.ของไทย ซึ่งทุกอย่างที่บริษัทฯ ดำเนินการไปในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเพื่อที่จะดำเนินธุรกิจในเชิงรุกต่อไปในปี 48
"ในปี 47 มาสเตอร์คูลมีรายได้รวม 120 กว่าล้านบาท แยกเป็นรายได้จากประเทศ 100 ล้านบาท และรายได้จากการส่งออก 20 ล้านบาท นอกจากนั้นยังได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่คุณภาพของสินค้า โดยปัจจุบันมีลูกค้ามากกว่า 3,000 ราย โดยลูกค้าภายในประเทศที่มั่นใจและเลือกใช้มาสเตอร์คูล ประกอบด้วยปั้มน้ำมันเชลล์, ปั้มน้ำมันบางจาก, ซาฟารีเวิร์ล, ศูนย์รถยนต์โตโยต้า, โรงงานประกอบรถยนต์อีซูซุ, บริษัท สหฟาร์ม จำกัด, ศูนย์การค้า J-avenue, โรงพยาบาลยันฮี, โรงพยาบาลศิริราช, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, DHL เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับการรุกตลาดในปีต้นๆ ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าระดับองค์กรชั้นแนวหน้าของไทย ซึ่งสาเหตุของการยอมรับของตลาดนั้น น่าจะเป็นผลมาจากคุณภาพของสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่พร้อมจะช่วยลดปัญหาความร้อนภายนอกตัวอาคาร รวมทั้งระบบทีมบริการหลังการขายที่พร้อมจะมอบคำแนะนำในการรักษาและยืดอายุการใช้งานของเครื่องเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมามาสเตอร์คูลได้จัดตั้ง Masterkool Service Center 02-953-9700 ขึ้น โดยมีทีมงาน Service Technician กว่า 30 คน คอยให้บริการอยู่ตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์ ระหว่างเวลา 9.00-17.00 น. ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าได้อย่างลงตัว" นายนพชัย กล่าว
เกี่ยวกับแผนการตลาดและเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปี 48 นั้น กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า "ในปี 48 มาสเตอร์คูลตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 170 ล้านบาท โดยแยกเป็นเป้ารายได้ในประเทศ 135 ล้านบาท เป้ารายได้จากการส่งออก 35 ล้านบาท และใช้งบประมาณการตลาด 25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 30% เพื่อตอกย้ำด้านข้อมูลสินค้า และเสริมให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์มาสเตอร์คูลเพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องการรักษาภาพลักษณ์ของมาสเตอร์คูลในความเป็น "ผู้นำ" ด้านคุณภาพ มาตฐาน สินค้าและบริการ รวมทั้งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมใหม่ โดยอาศัยช่องทางการประชาสัมพันธ์ผ่าน Bill Board ที่มีความแปลกและแตกต่างโดยสร้างพัดลมยักษ์ที่สามารถพ่นไอน้ำได้จริงบริเวณแยกสุทธิสารเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้จักการทำงานของมาสเตอร์คูล และมีการลงโฆษณาทางวิทยุ Sport Radio อย่างต่อเนื่อง โดยได้นำลูกค้าที่ใช้บริการจริงๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้งาน และความสำเร็จที่ตามมาหลังจากที่เลือกใช้สินค้ามาสเตอร์คูล ทั้งนี้จากการยอมรับอย่างดียิ่งในปีที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทฯ ได้ทำแบบสำรวจความต้องการตลอดจนการทำวิจัยตลาด พบว่า กลุ่มลูกค้าของเรามิได้เพียงกลุ่มองค์กรใหญ่ๆ หรือกลุ่มลูกค้าเชิงอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่กลุ่มลูกค้าในระดับครัวเรือนก็ต้องการสินค้าในแบบมาสเตอร์คูลที่ช่วยลดปัญหาความร้อนภายนอกตัวบ้านเช่นกัน ส่งผลให้มาสเตอร์คูลได้พัฒนาและเพิ่มสินค้าใหม่ เพื่อเข้าไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครัวเรือน และธุรกิจขนาดย่อม (SME) โดยให้มีสินค้าและราคาที่เข้าได้ทุกตลาดทั้งตลาดบนและตลาดล่าง สินค้าใช้ง่ายมากขึ้น และสามารถหาซื้อได้สะดวก โดยปัจจุบันมาสเตอร์คูลมีช่องทางการจัดจำหน่าย มีสาขาประจำภาค 1 สาขา ที่ภาคตะวันออก ตัวแทนจำหน่าย 70 ราย ใน 42 จังหวัด ซึ่งในปี 48 ได้เพิ่มการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าจาก 7 แห่ง เป็น 37 แห่ง ประกอบด้วย HomePro สาขารัตนาธิเบศร์ สาขาลาดพร้าว, HomeWork สาขารัตนาธิเบศร์, Robinson สาขารัชดาภิเษก, สาขาศรีราชา, PowerBuy สาขาบางนา, สาขาชิดลม, สาขารัตนาธิเบศร์, Macro ทุกสาขา, ซีเมนต์ไทย โฮมมาร์ท สาขาสุขาภิบาล 3, และสาขาพัทยา"
นอกจากนี้ มาสเตอร์คูลยังมีแผนส่งเสริมการตลาดให้แก่ตัวแทนขายทั้งการสนับสนุนด้านประชาสัมพันธ์ โดยนำสินค้ามาสเตอร์คูลไปช่วยในงานของจังหวัด เพิ่มบิลบอร์ดและป้ายหน้าร้านของตัวแทน รวมทั้งส่งเสริมช่องทางการขายให้ได้มาตรฐานตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยการฝึกอบรมเพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันในด้านต่างๆ เช่น การขาย การนำเสนอ และให้ข้อมูลสินค้า และยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง "มาสเตอร์คูลเชื่อมั่นว่า ตลาดระบบทำความเย็นภายนอกอาคารนั้น ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เพราะจากการสำรวจตลาดโดยรวม พบว่า ในประเทศไทยมีพื้นที่ภายในอาคารประมาณ 10% และที่เหลืออีก 90% คือพื้นที่ภายนอกอาคารทั้งหมด ดังนั้น หากเราศึกษาความต้องการของตลาดอย่างจริงจัง และพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการ เพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าและมุ่งเน้นการบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพแล้ว ตลาดนี้จะยังสามารถโตต่อไปได้แบบก้าวกระโดด" นายนพชัยกล่าวสรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ สุรีย์พร สื่อสกุล และ กรรณิกา สายพันธุ์
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
02-951-9431, 01-902-5948, 06-329-3823, 01-890-3568
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ