พาไป! เปิดมุมมองวิสัยทัศน์ New Normal ของคณบดีหญิงคนเก่ง ท่าน ผศ. เจียมจิต สุวรรณน้อย แห่งคณะนิติศาสตร์ ม.ศรีปทุม

ข่าวทั่วไป Monday August 3, 2020 16:26 —ThaiPR.net

พาไป! เปิดมุมมองวิสัยทัศน์ New Normal ของคณบดีหญิงคนเก่ง ท่าน ผศ. เจียมจิต สุวรรณน้อย แห่งคณะนิติศาสตร์ ม.ศรีปทุม กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--มหาวิทยาลัยศรีปทุม วันนี้แอดมินจะพาไปรู้จักอีกหนึ่งคณบดีหญิงผู้มีวิสัยทัศน์แบบ New Normal เข้ากับสถานการณ์โลกที่อยู่ในช่วงวิกฤติ ใครที่กำลังสงสัยว่าเส้นทางการเป็นทนายความหรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับคณะนิติศาสตร์จะเป็นไปในทิศทางไหน? ลองอ่านเส้นทางและวิธีเตรียมตัวรับมือแบบนักกฎหมายยุค New Normal มืออาชีพ พร้อมเรื่องราวดี ๆ ในฐานะผู้บริหารหญิง กับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์เจียมจิต สุวรรณน้อย คณบดีหญิงคนเก่งแห่งคณะนิติศาสตร์ ม.ศรีปทุม กันเลย! นักกฎหมายมืออาชีพกับการตั้งรับผลกระทบในยุคที่ Covid-19 ผศ.เจียมจิต สุวรรณน้อย คณบดีคณะนิติศาสตร์ กล่าวว่า ตอนนี้ถ้าไม่พูดถึงสถานการณ์ Covid-19 คงเป็นไปไม่ได้ เพราะการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของสังคมในทุกสาขาอาชีพ แม้ในอนาคตสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่รูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า “New Normal” หรือความปกติใหม่ ทำให้ระบบการศึกษาจำเป็นต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้เป็นระบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น นักกฎหมายก็เป็นวิชาชีพหนึ่งที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน แม้กระทั่งศาลยุติธรรมก็ยังต้องปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติเกี่ยวกับคดีบางส่วนให้เป็นระบบออนไลน์ได้ ประกอบกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของบ้านเมืองเริ่มตกต่ำลง ข้อพิพาททางกฎหมายย่อมเกิดขึ้นมาก นักกฎหมายจึงเป็นวิชาชีพที่เข้าไปมีบทบาทตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย “ปรับเปลี่ยน และ รับมือ” เตรียมความพร้อมให้นักศึกษาในยุค New Normal ผศ.เจียมจิต : เราจึงเตรียมรับมือ และความพร้อมให้แก่นักศึกษา เพื่อรองรับสถานการณ์ในยุค New Normal ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ ม.ศรีปทุม โดยต้องรักษามาตรฐานทางวิชาการ มีองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายใหม่ๆ โดยเน้นกฎหมายทางธุรกิจ ข้อมูลส่วนบุคคล และมีองค์ความรู้ในศาสตร์แขนงอื่นที่ก้าวหน้าทั้งทางด้าน IT สื่อดิจิตอล และแอพพลิเคชั่นที่ทันสมัย และเน้นการเรียนรู้กับตัวจริง หรือผู้มีประสบการณ์จริง เพื่อเสริมสร้างทักษะในการนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม และสามารถพัฒนาตนเองให้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล นอกจากนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ บุคลิกภาพที่ดีของนักกฎหมาย ซึ่งถือเป็นประตูหลักที่นำไปสู่การยอมรับของบุคคลในสังคม บัณฑิตที่จะจบจากคณะนิติศาสตร์ที่ ม.ศรีปทุม จะต้องได้รับการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ และเป็นที่ไว้วางใจต่อผู้พบเห็น SPU LAW FAMILY ครอบครัวนี้อบอุ่น เรียนที่นี่ดูแลกันจนถึงฝั่งฝัน ผศ.เจียมจิต : ม.ศรีปทุม นอกจากจะเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งแรกที่เปิดสอนคณะนิติศาสตร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว ความแตกต่างของเราคือวิธีบริหารจัดการ และการดูแลนักศึกษาที่เหมือนเป็นคนในครอบครัว เพราะเราดูแลเอาใจใส่เด็ก ๆ ในทุกเรื่อง การเรียนการสอนจะเน้นเทคนิคและวิธีที่จะทำให้เด็ก ๆ จดจำได้ง่าย ช่วยให้เขาสนุกกับการเรียน ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่กันไปด้วย และเรายังพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กให้มีคุณลักษณะเป็นนักสู้ที่ไม่ย่อท้อต่อเรื่องที่ยาก ๆ มีความมุ่งมั่น สร้างความมั่นใจในตนเอง กล้าที่จะท้าทายต่อสิ่งใหม่ ๆ ด้านการใช้ชีวิตภายในรั้วของมหาวิทยาลัยก็เน้นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน รุ่นพี่รุ่นน้อง ศิษย์เก่า และคณาจารย์ เราดูแลกันถึงฝั่ง มีการให้คำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกับการทำงานในอนาคต ที่เราเรียกว่า “SPU LAW FAMILY” ซึ่งดูแลตั้งแต่เข้ามาเป็นน้องใหม่ไปจนสำเร็จการศึกษา นอกจากนี้ข้อแตกต่างชัดเจนที่เป็นจุดเด่นของคณะเราก็คือ เมื่อนักศึกษาที่นี่สะสมหน่วยกิตได้จนถึงระดับอนุปริญญาแล้ว สามารถใช้คุณวุฒิดังกล่าวซึ่งได้รับการรับรองจากสภาทนายความไปสมัครสอบใบอนุญาตทนายความได้ นั่นหมายความว่าเด็กของเราสามารถจบการศึกษาเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตได้พร้อมกับการเป็นทนายความซึ่งนำไปต่อยอดในเส้นทางวิชาชีพของนักกฎหมายได้ในทันที เรียนกฎหมาย ใครว่ายาก? ขอเพียงมีฝัน พลัง และ มุ่งมั่น ผศ.เจียมจิต : บางคนอาจกังวลว่าเรียนกฎหมายยากไหม? อันที่จริง “ถ้าชอบความท้าทายขีดจำกัดของสมอง ต้องเรียนกฎหมาย” เพราะการเรียนกฎหมายเป็นการฝึกฝนจิตและฝึกทักษะทางความคิด เราต้องทำงานเป็นกลุ่ม แบ่งปันความเห็น โต้แย้งประเด็นต่าง ๆ สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง ฝึกใจให้แข็งแกร่งพร้อมเผชิญปัญหา อันที่จริงคนที่จะประสบความสำเร็จในการเรียน ขอแค่เพียงเป็นคนที่มีความฝัน พลัง และความมุ่งมั่น สามสิ่งนี้จะนำมาซึ่งการพัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลที่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต และไม่ว่านักศึกษาอยากจะทำอะไรก็ตาม หากตั้งใจลงมือทำทันทีและต่อเนื่อง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่นแน่นอน บางคนอาจมองว่าตนเองเรียนไม่เก่ง แท้จริงสิ่งที่สำคัญที่มากกว่าความเก่ง คือ ความขยันและตั้งใจมากกว่า "เราหล่อหลอมทนายรุ่นใหม่ ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม" ผศ.เจียมจิต : อีกสิ่งที่ดิฉันพยายามหล่อหลอมให้แก่นักศึกษาของเรามาโดยตลอด นั่นคือการเป็นทนายความที่ดีควรคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตน ใช้เหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์ และไม่ใช้ความรู้ของตนเป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ดังนั้น ในการประกอบวิชาชีพของทนายความ จริยธรรมในการทำงานถือเป็นเรื่องที่ควรมีและควรปฏิบัติ การที่จะเกิดสิ่งเหล่านี้ได้ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีจิตสำนึก มีไหวพริบดี ตลอดจนมีจิตวิญญาณในการทำงานเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักประการหนึ่งที่คณะนิติศาสตร์ ม.ศรีปทุม ของเรา เปิดมุมมองในด้านผู้บริหารหญิง กับแง่คิดเชิงบวก ที่ผู้หญิงเท่านั้นที่ทำได้ ผศ.เจียมจิต : ในฐานะผู้เป็นผู้บริหารหญิง จึงขอฝากข้อคิดว่า “เราต้องปิดจุดอ่อนเพื่อสร้างจุดแข็ง” สำรวจตนเองเพื่อหาจุดพัฒนาตนเองเพื่อไปสู่เป้าหมาย หากมีข้อผิดพลาด อย่าท้อแท้ แต่จงเรียนรู้ข้อผิดพลาดนั้น ๆ เพื่อหาทางแก้ไข ในระยะเวลาในการทำงานกว่า 37 ปีที่ผ่านมา ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้การทำงา สะสมอยู่ในคำว่า “ประสบการณ์ชีวิตการทำงาน” และในระหว่างการทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ของ “แม่” ตลอดมา ทำให้ยิ่งต้องเพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดของงานที่ทำมากยิ่งขึ้น เพื่อมิให้กระทบต่อหน้าที่การงานและครอบครัวที่ต้องดำเนินไปได้พร้อม ๆ กัน ลักษณะดาบแกว่ง เปลไกว ผู้นำหญิงมีจุดเด่นอยู่ที่ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีมนุษย์สัมพันธ์ดีกว่าผู้ชาย ผู้หญิงสามารถเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม และรับรู้ข้อมูลจากทุกฝ่ายในการประเมินสถานการณ์ ทำให้ตัดสินใจแก้ปัญหาได้ถูกต้อง แม่นยำขึ้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถโน้มน้าวใจ เพราะว่าโดยเนื้อแท้แล้ว ผู้หญิงมีลักษณะของการดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น และพยายามที่จะเข้าใจพื้นฐานและความเป็นมาของแต่ละคนทำให้เป็นข้อดีของเรา ดังนั้นของผู้หญิงจะทำงานได้ละเอียดอ่อนรับผิดชอบ และมีความอดทน การสื่อสารจะนุ่มนวลกว่าสามารถรับรู้อารมณ์ และความรู้สึกแสดงออกทางอารมณ์เชิงบวกเพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ทำงานหนักแค่ไหน ต้องอย่าลืมดูแลตัวเอง ผศ.เจียมจิต : นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการออกกำลังกายเป็นเสมือนยาอายุวัฒนะที่ทำให้ร่างกายของเราสดชื่นแข็งแรง ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด และการสนุกกับการทำอาหารด้วยตนเอง ทำให้เราได้มีเวลาคัดสรรตระเตรียมวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งยังเป็นการบริหารความคิดและการสร้างสรรค์อาหารในแบบฉบับที่เราชอบ เมื่อได้ทานอาหารที่ดีและอร่อยด้วยฝีมือตนเองก็ทำให้เราผ่อนคลายและมีความสุขไปด้วย เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับบทสัมภาษณ์ เรียกได้ว่าวันนี้เราได้เห็นเส้นทางของเด็กนิติศาสตร์ในยุค New Normal ทั้งในแง่ของนักศึกษาและในแง่ของนักกฎหมาย ที่ท่านคณบดี ผศ.เจียมจิต สุวรรณน้อย ได้แชร์และบอกเล่าแบบเข้าใจง่ายให้พวกเราได้มองเห็น เรียนรู้ และเข้าใจยุคนี้มากยิ่งขึ้น และหากใครที่ฝันเป็นนักกฎหมาย หรืออยากเรียนคณะนิติศาสตร์และต้องการข้อมูลดีๆ แบบนี้เพิ่มเติมขึ้นอีก ก็สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่ https://www.spu.ac.th/fac/law/ ได้เล้ยนะคะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ