ETP บริษัทลูก EP ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1.5 พันลบ. อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 5.50% จ่ายทุก 3 เดือน เปิดขายสถาบัน/รายใหญ่ ระหว่างวันที่ 25-28 ส.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 24, 2020 11:36 —ThaiPR.net

ETP บริษัทลูก EP ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1.5 พันลบ. อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 5.50% จ่ายทุก 3 เดือน เปิดขายสถาบัน/รายใหญ่ ระหว่างวันที่ 25-28 ส.ค.นี้ กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป บริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETP ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท รองรับแผนลงทุนวินด์ฟาร์มเวียดนามขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ มีอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.50% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เปิดขายนักลงทุนสถาบัน/รายใหญ่ ระหว่างวันที่ 25-28 ส.ค.นี้ “ทริสเรทติ้ง”ให้อันดับเครดิต “BBB-” แนวโน้ม "STABLE" บิ๊กบอส “ยุทธ ชินสุภัคกุล” มั่นใจกระแสตอบรับดีเยี่ยม เพราะให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ ปีนี้วางเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) เปิดเผยว่า ETP ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทฯซึ่งประกอบกิจการพลังงาน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ระดับ 5.50 % จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน อายุ 2 ปี โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ระยะเวลาจองซื้อหุ้นกู้ในระหว่างวันที่ 25-28 สิงหาคม 2563 ติดต่อสอบถามหรือขอรับหนังสือชี้ชวน ผ่าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม และนำไปใช้ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้ มีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ที่ "BBB-" แนวโน้มอันดับเครดิต "STABLE" โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด “มั่นใจว่าหุ้นกู้ชุดนี้ จะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ที่อยู่ในช่วงขาลง อีกทั้งยังมีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยสม่ำเสมอทุก 3 เดือน เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกในการออม และการลงทุนที่น่าสนใจในขณะนี้” เขากล่าวต่อในช่วงท้ายถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,103.73 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตสูงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ