บมจ.แอดเทค ฮับ "ADD" ปลื้ม กระแสการตอบรับดีเกินคาด หลังนักลงทุนแห่จองซื้อหุ้นIPO จำนวน 40 ล้านหุ้น หมดเกลี้ยง สะท้อนความเชื่อมั่นการเป็นหุ้นเมกะเทรนด์ยุคดิจิทัล เดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านให้บริการระบบสนับสนุนบริการดิจิทัลคอนเทนต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้กับลูกค้ากลุ่มโอเปอเรเตอร์ เต็มสูบ ด้าน CEO " ชวัล บุญประกอบศักดิ์ " มั่นใจหลังระดมทุน เตรียมสยายปีกต่อยอดธุรกิจการพัฒนาระบบด้านการสนับสนุนดิจิทัลคอนเทนต์ - ดิจิทัลโซลูชั่น ผลักดันธุรกิจขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมยกระดับ ADD เป็นหุ้น Growth Stock ของนักลงทุน จ่อเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 20 พ.ค.นี้
นายชวัล บุญประกอบศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ADD เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อ "ADD" ในการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังจากที่เปิดจองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 12-14 พฤษภาคมที่ผ่านมาในราคาหุ้นละ 11.00 บาท จำนวนทั้งสิ้น 40 ล้านหุ้น ซึ่งได้กระแสการตอบรับจากกลุ่มนักลงทุนในการเข้ามาจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาและดูแลรักษาระบบสนับสนุนการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ระดับชั้นนำของประเทศหลายราย ซึ่งแบ่งเป็นการให้บริการระบบสนับสนุนการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content Support) การให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Solution) และการให้บริการสื่อและโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Advertising)
รวมถึงการให้บริการพัฒนาระบบชำระเงินค่าบริการหรือสินค้าผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Carrier Billing) เข้ามาเป็นหนึ่งในช่องทางการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์สามารถชำระเงินค่าบริการผ่านระบบ Carrier Billing โดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือบัตรเครดิต และด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ พร้อมความเชี่ยวชาญที่การันตีจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม รวมถึงยุคนี้เป็นยุคอุตสาหกรรมดิจิทัล แพลตฟอร์มคอนเทนต์บนมือถือ ทำให้ ADD ถูกจัดเป็นหุ้นเมกะเทรนด์ยุคดิจิทัล ในสายตาของนักลงทุนอย่างมาก
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯเตรียมนำไปขยายงานในส่วนของบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการต่อยอดธุรกิจการพัฒนาระบบด้านการสนับสนุนการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ และดิจิทัลโซลูชั่น และหากพิจารณาความแข็งแกร่งทางการเงิน ADD มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปี 2561 มีรายได้รวม 289.48 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29.29 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 302.04 ล้านบาท กำไรสุทธิ 39.50 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้รวม 345.53 ล้านบาท กำไรสุทธิ 72.37 ล้านบาท ซึ่งจากความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทฯทำให้เชื่อว่า ADD จะเป็นหุ้น Growth Stock อีกหนึ่งหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
ด้าน นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ ADD ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากกลุ่มนักลงทุนอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจในศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานของ ADD ที่มีความเป็นมืออาชีพด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับฝ่ายพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในธุรกิจโทรคมนาคมกว่า 20 ปี ซึ่งจากจุดแข็งดังกล่าวสามารถการันตีถึงโอกาสการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับต้องยอมรับว่าในช่วงนี้เป็นช่วงแห่งยุคอุตสาหกรรมดิจิทัล จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความน่าลงทุน
ขณะที่ นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวตอกย้ำว่า ด้วยประสบการณ์ รวมถึงวิสัยทัศน์ของคณะผู้บริหาร สามารถการันตีถึงศักยภาพความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ ซึ่งทำให้ ADD ได้รับการยอมรับจากกลุ่มแวดวงอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม รวมถึง อุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องที่จำเป็นต้องพัฒนารูปแบบการทำงานให้ทันกับโลกยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ การชำระเงินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาโปรแกรมและแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตจากการขยายการให้บริการของโอเปอเรเตอร์ ทั้งในรูปแบบ 4G และ 5G ในอนาคต ดังนั้นเชื่อว่าการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาระบบสนับสนุนการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ บนแพลตฟอร์มต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตได้ในไม่ช้า