ทีเอ็มบีธนชาต ชู 4 แพลตฟอร์มดิจิทัล เสริมแกร่งความรู้ทางการเงินให้คนไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น
กรุงเทพฯ 2 พฤศจิกายน 2564 - ทีเอ็มบีธนชาต ตอกย้ำเป้าหมายการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีให้คนไทย เดินหน้าต่อยอดให้ความรู้ทางการเงิน ด้วยการออกแบบความรู้ที่ตอบโจทย์ตรงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน ผ่าน 4 แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างสะดวกคล่องตัว ได้แก่ "ฟินทิป โดย ทีทีบี"(fintips by ttb) แหล่งรวมเคล็ดลับทางการเงินสำหรับกลุ่ม Gen Y และคนรุ่นใหม่ บนเว็บไซต์ ttbbank.com และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของธนาคาร, "ฟินฟิต กับ ทีทีบี" (finfit with ttb) ชุมชนออนไลน์บนเฟซบุ๊ก พื้นที่ของสมาชิกเพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้เรื่องการเงิน, "ฟิน ลิฟ แอนด์ เลิร์น โดย ทีทีบี" (fin live and learn by ttb) โครงการให้ความรู้เรื่องการเงินส่วนบุคคลทางออนไลน์สำหรับกลุ่มพนักงานบริษัทต่าง ๆ ที่ใช้บริการจ่ายเงินเดือน และดูแลสวัสดิการพนักงานผ่านทีเอ็มบีธนชาต และ "ฟินบิส โดย ทีทีบี" (finbiz by ttb) โครงการเสริมความรู้ธุรกิจเพื่อลูกค้าเอสเอ็มอีบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และสัมมนาออนไลน์ ที่เจาะลึกทุกบริบทของอุตสาหกรรม ยกระดับความรู้ให้ลูกค้าเอสเอ็มอี เพื่อช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในยุคดิจิทัล
นางกาญจนา โรจวทัญญู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า ทีเอ็มบี ธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า ธนาคารยึดมั่นและเดินหน้าตามแนวคิด "Make REAL Change" สร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ธนาคารจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและดีที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละคน ตลอดทุกช่วงชีวิต ควบคู่ไปกับการส่งมอบความรู้ทางด้านการเงิน (Financial Literacy) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ลูกค้ามีความรู้ สร้างทัศนคติที่ดี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงินที่เหมาะสม และต่อยอดไปที่การมีชีวิตทางการเงินที่ดีทั้งวันนี้และอนาคต
จากรายงานผลการสำรวจทักษะทางการเงินของไทยปี 2563 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติในการสำรวจระดับทักษะทางการเงินของคนไทย ตามกรอบของ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) พบว่า คนไทยมีพัฒนาการระดับทักษะทางการเงินดีขึ้นอยู่ที่ 71% สูงกว่าการสำรวจครั้งก่อนในปี 2561 ที่ 66.2% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยการสำรวจทักษะทางการเงินของ OECD ในปี 2563 ที่ 60.5% โดยหากพิจารณาถึงองค์ประกอบของทักษะทางการเงินซึ่งมี 3 ด้าน คือ ความรู้ทางการเงิน ทัศนคติทางการเงิน และพฤติกรรมทางการเงิน ก็พบว่าคนไทยมีพัฒนาการดีขึ้นในทุกด้าน แต่อย่างไรก็ตาม ในด้านของความรู้ด้านการเงินพบว่า ยังมีเรื่องที่ต้องเร่งให้ความรู้เพิ่มเติม เช่น การคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากทบต้นซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจและไม่สามารถคำนวณดอกเบี้ยได้ถูกต้อง และเรื่องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึก เพื่อวิเคราะห์และลงทุนได้อย่างเหมาะสม
ดังนั้น ธนาคารได้เล็งเห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นให้ความรู้ทางการเงินกับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้พัฒนาองค์ความรู้ เครื่องมือ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อเสริมทักษะความรู้ทางด้านการเงินให้แก่คนไทย พร้อมกับการพัฒนาเนื้อหาความรู้และรูปแบบการนำเสนอ แบบที่เข้าใจง่าย นำไปปรับใช้ได้จริง บนแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และลูกค้ามีเวลาศึกษาด้วยตัวเองอย่างครบถ้วน ซึ่งตอบโจทย์ตรงความต้องการและเหมาะกับลูกค้าทั้ง 4 กลุ่มผ่าน 4 แพลตฟอร์มดิจิทัล ได้แก่
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ความรู้ทางด้านการเงินในแง่มุมอื่น เช่น "ทีทีบี สมาร์ทโพรเทค" (ttb smart protect) บนเว็บไซต์ www.ttbbank.com/smartprotect ที่จะช่วยให้คนไทยค้นพบการวางแผนความคุ้มครองที่พอดีกับตัวเองได้ง่าย ๆ ผ่านการสำรวจใน 3 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ สุขภาพ การออมเพื่อเกษียณ และการดูแลคนข้างหลัง เป็นต้น รวมไปถึงการวางแผนพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารเงิน โดยทางธนาคารพร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำด้านการเงินให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างยั่งยืน
"ท่ามกลางสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางจากวิกฤตโควิด-19 การมีความรู้ทางการเงินจะช่วยให้คนไทยรับมือกับความเสี่ยงได้ดีขึ้น ทีเอ็มบีธนชาตจึงต้องการเข้าไปเติมเต็มให้ความรู้ทางการเงินให้กับคนไทยให้ครอบคลุมทุกกลุ่มที่นอกเหนือจากการนำเสนอโซลูชันทางการเงินต่าง ๆ ตอกย้ำความมุ่งมั่นพันธกิจของธนาคารที่ต้องการยกระดับบริการและส่งมอบประสบการณ์ทางการเงิน เพื่อเป้าหมายชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น (Financial Well-being) ของคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต" นางกาญจนา กล่าวสรุป