"แอลแอนด์อี" กำไรเพิ่ม 85% ตั้งเป้าเติบโต 30% ในปี 2548 เน้นสินค้าประหยัดพลังงาน

ข่าวทั่วไป Friday March 18, 2005 15:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
บมจ. แอลแอนด์ดี ตอกย้ำความมั่นใจในศักยภาพธุรกิจไฟฟ้าแสงสว่าง หลังผลการดำเนินงานในปี 2547 มีรายได้รวมกว่า 1,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 44% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 44.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85% จากปีก่อนหน้านี้ เชื่อมั่นธุรกิจไฟฟ้าแสงสว่างยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2548
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลแอนด์อี จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า "กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้ เป็นผลมาจากการพัฒนาทรัพยากรและโครงสร้างต่างๆ ของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้ฐานธุรกิจมีความแข็งแกร่ง ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเติบโตของบริษัทฯ ในช่วงปี 2547 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกในปี 2548 นั้น ยังเป็นผลมาจากการพัฒนากลยุทธ์การตลาดสำหรับ 3 ธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโครงการ กลุ่มธุรกิจขายส่งและขายปลีก และกลุ่มธุรกิจส่งออก โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายให้ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโครงการ 59% ธุรกิจขายส่งและขายปลีก 37%, และธุรกิจส่งออก 4%
"กลุ่มธุรกิจโครงการมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 50% จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการก่อสร้าง รวมทั้งการปรับปรุงของอาคาร ศูนย์การค้า และห้างร้านต่างๆ รวมทั้งนโยบายของรัฐที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุน ทำให้อาคารขนาดใหญ่เปลี่ยนมาใช้โคมประหยัดพลังงาน ส่งผลให้มีรายได้จากยอดขายมากขึ้น นอกจากนี้การส่งมอบโคมไฟฟ้าที่ใช้ในงานสนามบินสุวรรณภูมิที่มีมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ยังมีส่วนทำให้ยอดขายในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ในปี 2548 บริษัทฯ ยังคงเน้นรักษาความเป็นผู้นำในด้านงานโครงการด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ช่วยประหยัดพลังงาน รวมทั้งสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น โคมไฟฟ้าที่ใช้หลอด LED (SOLID STATE LIGHTING) เป็นต้น ส่วนกลุ่มธุรกิจขายส่งและขายปลีก บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้า และการขายผ่านกลุ่มโมเดิร์นเทรด เพิ่มพื้นที่โชว์สินค้าตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีลักษณะกึ่งสินค้าบริโภคที่เหมาะกับตลาดขายปลีกและโมเดิร์นเทรด และกลุ่มธุรกิจส่งออก บริษัทจะเน้นส่งออกในภูมิภาคอาเซียนเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลง AFTA ให้มากที่สุด รวมทั้งเร่งขยายตลาดในประเทศที่มีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) กับประเทศไทย เช่น อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา และมัลดีฟส์"
ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ แยกตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ มาจากผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้า 58% หลอดไฟฟ้า 16% อุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่าง 16% และอีก 10% มาจากเสาไฟฟ้าและอุปกรณ์รองรับสายไฟ และเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ บริษัทฯ ได้สร้างโรงงานผลิตโคมไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโรงเพื่อผลิตโคมไฟฟ้าประเภทโคมไฟถนน โคมฉาย และโคมไฟฟ้าที่ใช้ในงานภูมิทัศน์ โดยผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้จะทดแทนโคมไฟฟ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศและที่จัดซื้อจากบริษัทอื่นในประเทศ ส่วนโรงงานเดิมจะใช้ผลิตโคมไฟฟ้าที่ใช้ภายในอาคารเท่านั้น
นายปกรณ์ กล่าวต่อไปว่า "ในปี 2547 บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตที่ 30% แต่ผลประกอบการที่แท้จริงสูงถึง 44% สำหรับปี 2548 บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตในอัตราเดียวกับในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คาดว่ามูลค่าตลาดรวมของธุรกิจไฟฟ้าแสงสว่างในปี 2548 ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 8,000 ล้านบาท เนื่องจากยังมีโครงการพัฒนาต่างๆ อีกจำนวนมาก โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 2548 บริษัทฯ ได้รับงานโครงการต่างๆ แล้ว คิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ประกอบด้วยงาน สนามบินสุวรรณภูมิ งานปรับปรุงร้านค้า และห้างสรรพสินค้าต่างๆ และงานอื่นๆ ทำให้คาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกจะเติบโตไม่น้อยกว่า 30%"
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่น
พรรณราย ทวีโชติกิจเจริญ (อ๋า)
โทร.0-2204-8212 หรือ 0-1735-7799--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ