"A money บัดดี้ส่งมอบอุปกรณ์กีฬาให้น้อง" เสริมแกร่งพัฒนาการสมวัยให้เด็กไทย

ข่าวทั่วไป Friday August 26, 2022 15:25 —ThaiPR.net

บรรยากาศการวิ่งเล่นและออกกำลังกายในโรงเรียนอย่างสนุกสนาน ได้ถูกพรากไปจากเยาวชนไทย นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทุกคนต้องเว้นระยะห่าง และใช้เวลาไปกับการเรียนผ่านหน้าจอออนไลน์ ส่งผลให้เด็กไทยจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพจิต

ที่สำคัญคือสุขภาพกายจากการเรียนออนไลน์และต้องนั่งอยู่หน้าจอแทบตลอดเวลา สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เด็กมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่มขึ้นเป็น 14 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่องค์การอนามัยโลก ก็ได้แนะนำให้เด็กต้องขยับร่างกาย 60 นาทีต่อวันหลังการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดของโควิด-19 และเด็กๆ เริ่มทยอยกลับเข้าสู่ชั้นเรียน บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสด "เอมันนี่" (A money) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "A money บัดดี้เรื่องเงิน" จึงได้เดินหน้าฟื้นฟูกิจกรรมทางกายให้กับเหล่าเยาวชนตัวน้อย โดยจับมือกับ โรงเรียนวัดธรรมประสิทธิ์ จังหวัดสมุทรสงคราม จัดกิจกรรม "A money บัดดี้ส่งมอบอุปกรณ์กีฬาให้น้อง" เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์กีฬา อาทิ ฮูลาฮูป เชือกกระโดด จักรยาน แบดมินตัน ฯลฯ พร้อมจัดกิจกรรมเรียกเหงื่อต้อนรับน้องๆ นักเรียนจำนวนกว่า 100 คน ได้มีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมกับช่วงวัย

นายซูสุมุ อิโตะ ผู้บริหารสายงานการขายและศูนย์ปฏิบัติการ บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ "A money บัดดี้ชวนทำดี" ซึ่งถือเป็นโยบายหลักขององค์กรในการคืนกำไรสู่สังคมในรูปแบบการจัดกิจกรรมเพื่อส่งต่อสิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ซึ่งได้มีการเดินหน้าจัดอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี  ในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นไปในเรื่องของการช่วยเหลือเยาวชน โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 ลดความรุนแรงลงและกำลังจะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น แต่ก็ยังคงมีปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลกระทบถึงเยาวชน โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพทั้งทางกายและทางใจ

"สำหรับกิจกรรม "A money บัดดี้ส่งมอบอุปกรณ์กีฬาให้น้อง" เรามีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้มีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาวะที่ดี ภายใต้สถานการณ์ที่ยังคงต้องใส่ใจเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในโรงเรียน โดยการเลือกสนับสนุนอุปกรณ์กีฬาที่ไม่ได้เน้นการรวมตัวของเด็ก ๆ จำนวนมาก เช่น ฮูลาฮูป แบดมินตัน หรือจักรยาน เป็นต้น ซึ่ง ณ ตอนนี้ โรงเรียนกลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ก็หวังว่า เด็ก ๆ จะได้กลับมาใช้เวลาในการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ ได้เคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกาย ให้มีพัฒนาการสมวัย ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมวัยต่อไปในอนาคต"

ด้าน นางนันทวดี เทียนไทย ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดธรรมประสิทธิ์ กล่าวถึงภาพรวมของโรงเรียนและ      สุขภาวะทางกายของนักเรียนว่า โรงเรียนวัดธรรมประสิทธิ์ มีนักเรียนรวมทั้งสิ้น 92 คน ครอบคลุมระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 โดยหลังจากที่โรงเรียนเปิดกลับมาเรียนแบบ On site พบว่า ในช่วงที่เด็ก ๆ เรียนที่บ้าน จะทานอาหารเยอะกว่าปกติ เนื่องจากสามารถเดินไปทานได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนตอนเรียนที่โรงเรียน ที่จะแบ่งชั่วโมงพักเที่ยง ส่งผลให้เด็กบางส่วนเริ่มมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง คือ ทำกิจกรรมช้าลง ง่วงนอนง่าย ทำกิจกรรมได้ไม่นาน และเริ่มมีปัญหาสุขภาพแทรกเข้ามา ทางโรงเรียนจึงพยายามปรับสัดส่วนการเรียนการสอน ให้กิจกรรมในห้องเรียนและนอกห้องเรียนมีปริมาณที่สมดุลขึ้น รวมทั้งดูแลด้านโภชนาการ โดยเน้นการให้ทานอาหารครบ 5 หมู่  และฝึกให้เด็กๆ เล่นกีฬาทั้งในร่วมและกลางแจ้งตามความชอบของนักเรียนด้วย

"หลังจากที่เด็กกลับมาที่โรงเรียน เราได้สังเกตเห็นพฤติกรรมของเขาที่เปลี่ยนไป เช่น การเคลื่อนไหวช้าลง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการที่เขาไม่สามารถปรับสมดุลชีวิตในช่วงที่ต้องเรียนออนไลน์ได้ ผู้ปกครองบางท่านก็เล่าให้เราฟังว่า เด็ก ๆ อยู่ที่บ้านจะทานบ่อยขึ้น โดยเฉพาะขนมนมเนยต่าง ๆ โดยที่ผู้ปกครองไม่สามารถห้ามได้เพราะต้องออกไปทำงาน ดังนั้นเมื่อนักเรียนได้กลับมาสู่โรงเรียน เราจึงต้องกระตุ้นให้เขาได้จัดระเบียบชีวิตใหม่ แบ่งชั่วโมงเรียน ชั่วโมงพักผ่อน และชั่วโมงออกกำลังกายให้เหมาะสม ซึ่งก็ต้องขอบคุณทางบริษัทฯ ที่ได้นำอุปกรณ์กีฬาดี ๆ มาสนับสนุน ทำให้ทุกคนได้มีโอกาสเลือกเล่นกีฬาที่ชอบ ซึ่งเขาจะสนุกกับการออกไปเล่นได้"

นอกจากนี้ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับน้อง ๆ ตัวแทนจากโรงเรียนวัดธรรมประสิทธิ์ ที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในช่วงที่มีการเรียนออนไลน์ และกิจกรรมกีฬาที่ชื่นชอบ โดยเริ่มจากสาวสวย เด็กหญิงอัญชลี ก้านน้อย หรือ น้องแยม ปัจจุบันน้องแยมกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เล่าให้เราฟังว่า ในช่วงที่ต้องเรียนจากที่บ้าน ตนก็จะพยายามเข้าเรียนตามตารางเรียนที่คุณครูแจ้ง และหมั่นทำการบ้านแบบฝึกหัดที่ได้รับโดยตลอด ทำให้ต้องมีสมาธิและโฟกัสกับการเรียนจนแทบจะลืมที่จะออกกำลังกาย ซึ่งปกติแล้วจะออกกำลังกายช่วงเย็นๆ เสมอ"หนูชอบเล่นฮูลาฮูปกับแบดมินตันค่ะ ในช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะระบาด หนูจะกลับไปเล่นที่บ้านตอนเย็นกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกวัน แต่พอต้องเรียนออนไลน์ หนูต้องเอาเวลาไปทบทวนบทเรียนเยอะขึ้นค่ะ เพราะกลัวจะเรียนไม่ทัน ก็เลยไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเหมือนเดิม ซึ่งช่วงเปิดเรียนใหม่ ๆ น้ำหนักหนูเพิ่มมานิดหน่อยด้วยค่ะ แต่โชคดีที่หนูสามารถเลือกเล่นกีฬาที่ชอบในช่วงเวลาพักเที่ยง หรือในช่วงที่เป็นคาบว่างได้ ซึ่งพอได้กลับมาเล่นกีฬาอีกครั้งก็รู้สึกสดชื่นขึ้นจริง ๆ ค่ะ " น้องแยม กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ต่อกันที่อีกหนึ่งหนุ่มหล่อ น้องพอร์ช หรือเด็กชายอนุพงษ์ ใจสุข ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้มาร่วมวงพูดคุยให้เราฟังว่า"ผมชอบเล่นกีฬาเป็นหมู่คณะอย่างฟุตบอล เพราะมีเพื่อนมาออกกำลังกายด้วย ส่วนกีฬาอื่น ๆ ที่ชอบก็จะมีปั่นจักรยานครับ แต่ในช่วงที่ผมเรียนออนไลน์ที่บ้าน ผมไม่ได้ออกกำลังกายบ่อยเท่ากับตอนที่มาโรงเรียนครับ เนื่องจากไม่มีลูกฟุตบอลที่บ้านและไม่มีจักรยานด้วย และตอนที่อยู่บ้านผมทานบ่อยขึ้น ทำให้น้ำหนักของผมเพิ่มมาตอนนี้ 40 กิโลกรัมแล้วจากเดิม 36 กิโลกรัม ก็ตั้งใจไว้ว่า กลับมาเรียนที่โรงเรียนจะออกกำลังกายให้เยอะขึ้นครับ" น้องพอร์ท กล่าวด้วยความมุ่งมั่น

ปิดท้ายกันที่หนุ่มน้อยหน้าใส เด็กชายทรงพล สาวสวรรค์ หรือ น้องแสตมป์ ปัจจุบันน้องสแตมป์กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของตนเองด้วยว่า"ในช่วงที่เรียนที่บ้านผมมีปั่นจักรยานบ้างครับ แต่จะปั่นในพื้นที่บริเวณบ้าน เพราะกลัวติดโควิด-19 แต่บริเวณบ้านที่พอจะปั่นจักรยานได้ก็ไม่ได้กว้างมาก เลยปั่นได้ไม่มากเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อก่อนกีฬาที่ผมชอบจะเป็นฟุตบอลครับ เพราะว่าเพื่อนที่โรงเรียนชอบเล่นกัน ส่วนกีฬาอีกอย่างที่ผมชอบคือแบดมินตัน เพราะเล่นกับคุณพ่อที่บ้านแล้วแพ้ตลอด ซึ่งก็จะมาฝึกเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนจะได้เก่งขึ้น ก็ดีใจมากเลยครับที่โรงเรียนเปิดเพราะจะได้กลับมาเล่นและฝึกแบดมินตันกับเพื่อน ๆ อีกครั้ง เพื่อที่จะเอาชนะคุณพ่อให้ได้ครับ" น้องแสตมป์ กล่าวทิ้งท้าย

การที่นักเรียนตัวน้อยได้กลับมาวิ่งเล่น และทำกิจกรรมทางกายที่พวกเขาโปรดปรานอีกครั้ง นับว่าเป็นการเติมเชื้อเพลิงแห่งความสุขของพวกเขาให้กลับมาโชติช่วงได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งถึงแม้ว่าการเล่นกีฬารวมกลุ่มใหญ่ ๆ อาจจะยังต้องเฝ้าระวังเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม หากแต่เรามีการรวมพลังกันดูแล ให้เยาวชนของเราได้มีเวลาเรียนและเล่นอย่างเหมาะสมภายใต้มาตรการการป้องกันที่ดี ก็เชื่อว่าจะสามารถส่งเสริมพัฒนาการของพวกเขาให้เติบโตได้อย่างสมวัยดังเดิม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ