เจ้าของแบรนด์เบื่อไหมกับปัญหาเดิม ๆ อย่างการไม่รู้จะเริ่มต้นบรีฟงานยังไงให้บริษัทเอเจนซี่เข้าใจหรือปัญหาบรีฟงานแล้วทำออกมาไม่ตรงโจทย์ที่ต้องการ วันนี้ปัญหาของคุณจะหมดไปด้วยสูตรบรีฟงานจาก Cotactic นั่นก็คือ สูตร GTCMIT ที่จะมาช่วยให้การบรีฟงานของคุณเข้าใจง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้น!
"การบรีฟงานที่ดี" ส่งผลต่อใครบ้าง?
หากคุณเริ่มต้นด้วยการบรีฟงานที่ดี การดำเนินงานในขั้นต่อไปก็จะเป็นระบบและไม่หลุดจากเป้าหมายที่คุณต้องการ ซึ่งปัญหาสุดฮิตที่ทุกคนมักจะเจอบ่อย ๆ นั้น มักเกิดจากลักษณะการบรีฟงานเฉพาะบุคคลที่มีแนวคิดและความเข้าใจที่แตกต่างกันไป เมื่อถ่ายทอดออกไปผู้ฟังก็อาจนำข้อความนั้นไปตีความหมายเป็นอีกลักษณะหนึ่งได้ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การบรีฟงานที่ดีต้องเกิดจากความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็คือลูกค้าเจ้าของแบรนด์และเอเจนซี่โฆษณาที่ต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างละเอียด รวมถึงซักถามถึงเป้าหมายในการทำงานให้ชัดเจน จึงจะทำให้แคมเปญดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
GTCMIT คืออะไร ช่วยคุณแก้ปัญหาได้จริงหรือ?
ก่อนอื่นเราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ GTCMIT ก่อนว่าคืออะไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง GTCMIT คือ องค์ประกอบข้อมูลพื้นฐานสำคัญ 6 ข้อ เพื่อเป็นแนวทางและขอบข่ายสำหรับการบรีฟงานที่เอเจนซี่และเจ้าของแบรนด์รับรู้ร่วมกัน ส่งผลให้สามารถดำเนินงานได้สะดวกและชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดย GTCMIT ประกอบไปด้วย
- Goal - จุดประสงค์หลักของแคมเปญ
- Target - กลุ่มเป้าหมายของสินค้าและบริการ
- Channel - ช่องทางที่ใช้ในการโปรโมท
- Message - สิ่งที่ต้องการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย
- Investment - งบประมาณการลงทุน
- Timeline - ระยะเวลาแคมเปญ
1. Goal - ตั้งจุดประสงค์และภาพรวมของแคมเปญให้ชัดเจน
ไม่ว่าเราจะเริ่มลงมือทำอะไร เข็มทิศแรกที่จะนำเราไปสู่จุดหมายคือ การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน และอธิบายสิ่งนี้ให้เอเจนซี่โฆษณาได้มองเห็นภาพรวมเหมือนกับเรา อันดับต่อมาคือการเข้าใจลักษณะสินค้าและบริการในธุรกิจของตนเองว่าแบรนด์อยู่ในจุดไหนของตลาด หรือกำลังประสบปัญหารูปแบบไหนบ้าง เพื่อนำประสบการณ์มากลั่นกรองเป็นกลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าเดิม
การเข้าใจเป้าหมายและภาพรวมถือเป็นจุดที่สำคัญอย่างมาก เพราะในขั้นตอนนี้เป็นการอธิบายให้เอเจนซี่ที่ดูแลงานของคุณได้เข้าใจจุดประสงค์หลักของแคมเปญ รวมถึงการลงลึกรายละเอียดในงานส่วนต่าง ๆ อีกด้วย
ในส่วนของการตั้งเป้าหมายของแคมเปญโฆษณาออนไลน์นั้นมีอยู่หลากหลายด้วยกัน เช่น สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness), เพิ่มยอดขาย, จำนวนรายชื่อลูกค้า (Lead Generation) ส่วนมากแล้วลูกค้าของ Cotactic จะติดต่อเข้ามาช่วยให้เพิ่มยอดขาย และค้นหารายชื่อเพื่อให้ Sales ติดต่อกลับ
2. Target - วิเคราะห์และสื่อสารให้ถูกกลุ่มเป้าหมาย
สิ่งที่จะต้องบรีฟในหัวข้อนี้มักจะประกอบไปด้วยเพศ, สถานที่ที่กลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่, พฤติกรรมของลูกค้า, ปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกค้า รวมถึงลักษณะนิสัย เพื่อนำมาดูเป็นข้อมูลประกอบให้เอเจนซี่รับรู้ว่า คอนเทนต์และโฆษณาที่จะผลิตออกมานั้นกำลังสื่อสารให้ใครอ่าน
ตัวอย่างเช่น ลูกค้ารายหนึ่งของ Cotactic ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชายอายุ 30 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และมีรถหลายคัน นอกจากนั้น ยังมีพฤติกรรมชอบจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานถึงหลายอาทิตย์หรือบางทีเป็นเดือน ๆ จนเกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติดทำให้ต้องเปลืองเงินเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ๆ ใน 1 ปี
นอกจากนี้ หากแบรนด์ของคุณมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย เราแนะนำให้คุณแบ่งสัดส่วนความสำคัญว่าต้องการจะโฟกัสกลุ่มไหนเป็นพิเศษในแคมเปญนี้ และอธิบายความแตกต่างในการตัดสินใจซื้อของแต่ละกลุ่ม ข้อมูลส่วนนี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับเอเจนซี่ในการผลิตโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
3. Channel - กำหนดช่องทางโปรโมทให้เหมาะกับแบรนด์
ในปัจจุบันนี้มีช่องทางการตลาดออนไลน์อยู่มากมาย แล้วเลือกช่องทางการโปรโมทแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ? อันดับแรกคุณควรรู้จัก KPIs หรือ Key Performance Indicator ซึ่งเป็นการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของแคมเปญนั้น ๆ ก่อน จากนั้นจึงเดินหน้าสำรวจแผนการตลาดของแบรนด์คุณ พร้อมวิเคราะห์จุดประสงค์ของแคมเปญไปด้วย เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถบรีฟงาน และคัดเลือกประเภทของเอเจนซี่โฆษณาที่มีลักษณะการทำงานสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคุณได้แล้ว
ตัวอย่างการเลือกรูปแบบโฆษณาออนไลน์ให้เหมาะกับแบรนด์คุณ เช่น หากคุณเป็นแบรนด์ใหม่ยังไม่เป็นที่รู้จักต่อกลุ่มเป้าหมายส่วนมาก โฆษณา Facebook อาจเหมาะกับคุณที่สุด หรือหากคุณมียอดขายพอสมควรแล้วแต่ต้องการให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักมากขึ้น บริการรับทำ SEO หรือ บริการรับทำโฆษณา google อาจเหมาะสมกับคุณมากกว่า เป็นต้น
4. Message - สื่อสารให้เข้าใจด้วย Key Message
การกำหนด Key Message ถือเป็นอีกขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากคำพูดที่เราอยากจะสื่อสารออกไปนั้น เปรียบเสมือนสิ่งจูงใจที่จะทำให้ผู้รับสารเกิดความสนใจในสินค้าและบริการของเรา Key Message ที่น่าจดจำจึงควรแสดงถึงประโยชน์ที่ผู้ฟังจะได้รับ กระชับ และเข้าใจง่าย
นอกจากนี้ การกำหนดทิศทางในการสื่อสารที่ชัดเจนยังช่วยให้เอเจนซี่ผลิตโฆษณาเจาะกลุ่มลูกค้าได้ตรงเป้าก็จะช่วยให้การดำเนินงานในภาพรวมลื่นไหลตามไปด้วย
หากคุณยังนึกภาพไม่ออกว่าจะตั้ง Key Message ที่ดีได้อย่างไรนั้น Cotactic เราขอแนะนำ 3 คำถามช่วยจบปัญหาการบรีฟ Key Message ให้คุณตอบคำถามเอเจนซี่ได้ง่าย ๆ ได้แก่
- Brand: หากลูกค้านึกถึงแบรนด์ของคุณ เขาจะนึกถึงอะไรเป็นอันดับแรก?
เช่น Cotactic = เอเจนซี่ที่ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาเปรียบเหมือน Digital Strategist ส่วนตัวของคุณเอง - USP (Unique Selling Points): สินค้าและบริการของคุณแตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่างไร?
เช่น Cotactic = ทีมงานมีความเชี่ยวชาญ, เติบโตมากับแคมเปญ Lead Generation, มองคุณเป็นทีมเดียวกันให้คำปรึกษาและแนะนำตลอดเวลา - Pain Point: เหตุที่ลูกค้าเลือกเราจากปัญหาที่ผ่านมาคืออะไร?
เช่น เหตุผลที่ลูกค้าเลือก Cotactic = เอเจนซี่ที่ผ่านมาไม่สามารถทำยอดขายให้ถึงเป้าได้, ไม่มีเวลาทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง
อีกทริคสำคัญจากประสบการณ์ตรงที่ Cotactic ได้มาจากลูกค้า เพื่อสร้าง Key Message ให้มีความชัดเจนนั่นก็คือ การนำ Pain Point มาสร้างเป็น USP (Unique Selling Point) เช่น แบรนด์รับออกแบบและสร้างบ้านรายหนึ่งมาปรึกษากับเราว่า ส่วนมากลูกค้าเลือกแบรนด์นี้เพราะเคยมีประสบการณ์ติดต่อกับผู้รับเหมาและโดนทิ้งงาน
เราจึงแนะนำการสร้าง Pain Point จุดนี้ให้กลายมาเป็น USP เรื่องของความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องการโดนเบี้ยวงานจากผู้รับเหมา จากเคสดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเราได้หยิบยกประสบการณ์ที่ไม่ดีของลูกค้า มาเปลี่ยนเป็นจุดเด่นเพื่อเสริมแกร่งให้กับแบรนด์ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์จากปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และสามารถดึงดูดผู้ที่เคยพบเจอกับปัญหาเหล่านั้นได้อีกด้วย
หากคุณคิด Key Message ไม่ออก ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะคุณสามารถปรึกษาให้ Cotactic แนะนำ Key Message ที่เหมาะสมกับแคมเปญของคุณได้
5. Investment - กำหนดงบประมาณโฆษณาให้ชัดเจน
เมื่อการลงทุนมีความเสี่ยงเราจึงควรกำหนดงบประมาณในการลงโฆษณาให้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่บรีฟงานกับเอเจนซี่ หรือถ้าหากคุณไม่แน่ใจว่าตัวเลขที่แท้จริงจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ คุณสามารถกำหนดช่วงงบในเรทที่ต่ำสุดไปจนถึงมากที่สุดไว้ก่อน เพื่อที่เอเจนซี่โฆษณาจะได้นำเสนอ Option ที่เหมาะสมกับราคา และพร้อมลงมือปฎิบัติตามแผนที่วางไว้ได้นั่นเอง
"เพราะการวางกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพจะต้อง Optimize แคมเปญให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในงบประมาณที่ทางแบรนด์ต้องการ"
6. Timeline - การวางแผนและระยะเวลาในการทำงาน
หัวข้อสุดท้าย คือ การกำหนด Timeline สำหรับเริ่มทำแคมเปญ ซึ่งโดยปกติแล้วเจ้าของแบรนด์ทุกคนจะต้องการเริ่มแคมเปญให้ได้เร็วที่สุด แต่ก็ควรคำนึงถึงระบบการทำงานของแต่ละเอเจนซี่ว่าใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะเกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงขั้นตอนการตรวจแก้ไขงานด้วย ดังนั้น หากคุณมีรายละเอียดการบรีฟงานตามที่ Cotactic แนะนำไปทั้งหมดนี้ เรามั่นใจว่าการทำงานให้เป็นไปตาม Timeline ที่คุณต้องการก็จะเป็นไปได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
สรุป
จากบทความข้างต้นที่ทีม Cotactic ได้นำเสนอสูตร GTCMIT ไปนั้น คุณคงจะได้เรียรู้ว่า การบรีฟงานที่ดีควรทำอย่างไร และมีประโยชน์ต่อฝ่ายใดบ้างไปแล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปัญหาการบรีฟงานไม่ตรงจุด หรือได้งานไม่ตรงตามเป้าหมาย จะได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ถ้าหากคุณกำลังตามหา Outsource เชี่ยวชาญการทำโฆษณาออนไลน์ เตรียมข้อมูลบรีฟงานของคุณให้ดี!! ทาง Cotactic พร้อมให้คำปรึกษาและเติบโตไปพร้อมกับคุณแล้ว ติดต่อเราตอนนี้เลย!