กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--เซ็นทรัลพัฒนา CPN ตั้งเป้าจะขยายศูนย์การค้าอีก 8 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ และ วางกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบการบริหารภายในองค์กรในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ได้เตรียมการเปิดตัวการจัดทำ Rebranding ใหม่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความชัดเจนของ Brand CPN เร็วๆ นี้ รวมทั้งได้ประกาศผลกำไรจากไตรมาสที่ 2 ปี 2548 จำนวน 374.2 ล้านบาท เติบโต 21.1% จากปีก่อน และความสำเร็จในการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ CPN Retail Growth Property Fund (CPNRF) โดยได้รับความสนใจอย่างมากทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) แถลงผลกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2548 จำนวน 374.2 ล้านบาท เติบโต 21.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเปิดอาคารสำนักงาน “เซ็นทรัลเวิล์ด” ซึ่งสามารถขายพื้นที่ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยปัจจุบันอัตราการเช่าอยู่ที่ 75% รวมทั้งยังเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าจากการปรับเพิ่มค่าเช่าและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มขึ้นด้วยและบริษัทยังคงรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยของทุกศูนย์การค้าให้สูงขึ้น95% อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ โครงการเซ็นทรัล ทาวน์ เซ็นเตอร์ รัตนาธิเบศก์ ได้ปรับปรุงแล้วเสร็จในกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยการเพิ่มพื้นที่โรงภาพยนต์ ร้านอาหารและร้านค้าต่าง ๆ ในบริเวณชั้น 3 รวมกว่า 25,000 ตร.ม.และการเปิดดำเนินการของห้างโรบินสันรวมทั้งการปรับปรุงภาพลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในด้วย นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้เปิดเผยเพิ่มเติมถึงแผนงานในอนาคตสำหรับปี 2006-2010 ว่า บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่อีก 8 โครงการทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากโครงการเซ็นทรัลเวิล์ด ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงเพื่อเพิ่มพื้นที่ขายอีกกว่า 70,000 ตร.ม. ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปีหน้า โดยได้วางกลยุทธ์ในการขยายศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง การรักษาและขยายฐานลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบการบริหารภายในองค์กร อันได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบงานและบุคลากร เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตาม Vision ของบริษัทในการรักษาความเป็นผู้นำและมุ่งพัฒนามาตรฐานการบริหารและบริการในระดับ World Class นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดทำการ Rebranding ใหม่ และเตรียมการเปิดตัว Logo ใหม่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความชัดเจนของ Brand CPN และให้สอดคล้องกับลักษณะศูนย์การค้าต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้บริหารเร็วๆ นี้ นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน และบัญชี ได้กล่าวเพิ่มเติมในเรื่องการจัดตั้งกองทุน CPNRF ว่า CPNRF ที่ลงทุนในโครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 และ พระราม 3 ประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ โดยจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้รับประกันการจัดจำหน่ายว่ามีความต้องการจองซื้อหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมากถึง 4.7 เท่าของหน่วยที่เสนอขายส่งผลให้มีปริมาณการซื้อขายในกระดานดีกว่าที่คาดไว้ อีกทั้งราคาหุ้นของ CPNRF ก็สูงกว่าราคาจองซื้อ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ ในฐานะที่บริษัทจะเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 2 โครงการต่อไป ซึ่งสามารถเห็นได้จากผลงานในอดีตที่ผ่านมา บริษัทเชื่อว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์จะเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีให้กับนักลงทุนที่ต้องการความมั่งคงของรายได้และเงินปันผลที่จะได้รับ รวมถึงโอกาสของการเติบโตในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ตามแผนงานบริษัทที่คุณกอบชัยได้กล่าวไปแล้ว บริษัทตั้งเป้าหมายในการพัฒนาโครงการใหม่ 8 โครงการใน 5 ปี ข้างหน้า ซึ่งบริษัทจะต้องจัดหาเงินทุนให้เพียงพอในการขยายธุรกิจ โดยกองทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดหาเงินให้กับ CPN บริษัทได้วางแผนที่จะโอนโครงการที่มีอยู่ให้กับ CPNRF ในอนาคต โดยโครงการที่โอนให้ CPNRF จะต้องเป็นโครงการที่เป็นที่ยอมรับจากร้านค้าและลูกค้าและมีรายได้ค่าเช่าที่ค่อนข้างมั่นคง อีกทั้งไม่มีการ Renovate ใหญ่ๆ ในระยะสั้น ซึ่ง CPNRF ได้สิทธิในการปฏิเสธการซื้อโครงการจาก CPN ก่อน เป็นเวลา 7 ปีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี การซื้อโครงการของ CPNRF จาก CPN จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยด้วยเสียงข้างมาก และ CPN เองก็ไม่มีสิทธิลงคะแนนในเรื่องนี้ ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะช่วยขยายฐานของนักลงทุนประเภทที่ชอบรายได้หรือเงินปันผลแบบคงที่ให้ลงทุนกับโครงการของบริษัทมากขึ้น โดยกลยุทธ์ระหว่าง CPN กับ CPNRF จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน กล่าวคือCPN มุ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการใหม่และรับบริหารโครงการต่างๆ โดยได้รับรายได้จากการพัฒนาและการบริหารงานเพิ่มเติมด้วย ในขณะที่ CPNRF จะลงทุนในโครงการที่เปิดดำเนินการและมีรายได้คงที่ ซึ่งจะมีความเสี่ยงต่ำกว่า ในแง่ผลกระทบต่อฐานะการเงินจากการที่ CPN ให้เช่าทรัพย์สินของโครงการพระราม 2 และพระราม 3 ให้กับ CPNRF นายนริศ กล่าวว่า การจัดตั้ง CPNRF ทำให้ฐานะการเงินโดยรวมของบริษัทดีขึ้น บริษัทมีสภาพคล่องสูงขึ้น โดยมีเงินสดคงเหลือ หลังการจ่ายคืนเงินกู้กว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการในอนาคต อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 0.9 เท่า เหลือ 0.25 เท่า ซึ่งตามนโยบายของบริษัทจะดำรงอัตราส่วนดังกล่าวไว้ไม่เกิน 1 เท่า ดอกเบี้ยเงินกู้ ลดลง รวมทั้งมีรายได้จากการบริหารโครงการให้กับ CPNRF เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ บริษัทจะบันทึกกำไรจากการขายและให้เช่าทรัพย์สินกับ CPNRF ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ และ ส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ผลกระทบดังกล่าวจะต้องขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของผู้สอบบัญชีของบริษัทด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ สุนัดดา วัดอ่อน (เปิ้ล) แผนกประชาสัมพันธ์ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา โทร 02-264-5555#1306 01-689-9153--จบ--