กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ตามที่บริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าบริษัทคาดว่า Summit Surma Petroleum Co., Ltd. (SSP) จะมีรายได้รวมใน 3 ปี ประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยจะมี IRR เบื้องต้นประมาณ 15% ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้ขอให้บริษัทอธิบายถึงสมมติฐานและความเป็นไปได้ของประมาณการดังกล่าว บริษัทขอชี้แจงว่าบริษัทได้ว่าจ้างบริษัท บางกอก ซิตี้ แอดไวเซอรี่ จำกัด ทำการศึกษาความเป็นไปได้และประเมินมูลค่าการลงทุน ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ดังนี้ 1. งบการเงินปี 2545 ถึงปี 2547 ซึ่งตรวจสอบแล้ว และงบไตรมาสที่ 3 ปี 2548 (วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 ถึง 31 มีนาคม 2548) ซึ่งยังไม่ได้ตรวจสอบ 2. รายงานประเมินมูลค่าทรัพย์สินของ SSP จัดทำโดยบริษัท ที่ปรึกษา เฟิร์สสตาร์ จำกัด 3. รายงานการตรวจสอบทางการเงินและภาษี จัดทำโดย KPMG 4. Bangladesh Department of Commerce 5. CIA — the World Factbook 6. The World Bank 7. Caltex Australia ซึ่งข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการประเมินความเป็นไปได้และมูลค่าโครงการมีดังนี้ 1. สภาวะตลาด: ประเทศบังคลาเทศมีอัตราการเติบโตทางด้านความต้องการ LPG เฉลี่ยร้อยละ 29 ต่อปี ขณะที่มีอัตราการใช้ก๊าซ LPG ที่ต่ำ ในปัจจุบันมีประชากรประมาณร้อยละ 20 เท่านั้นที่ใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม ในขณะที่รัฐบาลของบังคลาเทศให้การสนับสนุนภาคครัวเรือนให้หันมาใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิงแทน ถ่าน ฟืน และก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ในระยะกลางถึงระยะยาวบริษัทคาดว่าจะสามารถขยายตลาดไปยังผู้ใช้รถยนต์ 2. สภาพที่ตั้งของ SSP: SSP มีคลังเก็บแก๊ส และโรงบรรจุแก๊ส ซึ่งตั้งอยู่บนท่าเรือ Mongla ภายในนิคมอุตสาหกรรม Mongla ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของ SSP ในการนำเข้า LPG จากต่างประเทศ 3. สภาวะการแข่งขัน: ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ LPG รายใหญ่ เพียง 5 ราย ขณะที่คาดว่าความต้องการ LPG ของประเทศมีอัตราการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีการเปิดเสรีในการดำเนินธุรกิจค้า LPG ในประเทศบังคลาเทศ แต่ผู้ประการรายใหม่ก็มีอุปสรรคในการดำเนินการ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีท่าเรือของตนเองเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากกำลังการผลิต LPG ภายในประเทศสามารถผลิต LPG ได้เพียงร้อยละ 20 ของความต้องการ จึงต้องมีการนำเข้า LPG จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นแล้วบริษัทยังมีกองเรือของบริษัท ปิคนิค มารีน จำกัด ที่จะช่วยเสริมให้ SSP สามารถซื้อก๊าซจากต่างประเทศได้โดยไม่ติดปัญหาด้านการขนส่งในสภาวะที่เรือขนส่งก๊าซขาดแคลนเช่นในปัจจุบัน ด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าวประกอบกับประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้าน LPG และแผนการทางธุรกิจของบริษัท บริษัท ได้แก่ 1) การขยายการขาย LPG ให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งบริษัทได้เริ่มขยายตลาดด้านนี้โดยได้ลงนามในสัญญาขาย LPG ให้กับ Jamuna Spacetech JV Ltd.ประเทศบังคลาเทศ โดยกำหนดซื้อขายขั้นต่ำ 500 ตันต่อเดือน โดยจะเริ่มซื้อขายก๊าซในเดือนพฤศจิกายน 2548 ซึ่งต่อไปจะได้โอนสิทธิในสัญญาให้แก่ SSP เมื่อมีการโอนหุ้น SSP ให้แก่บริษัทสมบูรณ์แล้ว 2) SSP จะเริ่มนำเข้าและจำหน่ายก๊าซในถังบรรจุก๊าซขนาด 4 กิโลกรัมในปี 2550 3) SSP จะขยายโรงบรรจุไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ประมาณปี 2551 บริษัทจึงเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ของ SSP ได้ 2545 2546 2547 2548 F 2549 F 2550 F 2551 F รวม 49-51ปริมาณขาย (ตัน) 407 1,539 4,775 3,500 9,600 16,800 21,600 48,000 ราคาขายต่อหน่วย (บาทต่อก.ก.) 15.52 17.45 20.15 25.63 26.65 26.65 26.65 26.65รวมรายได้ (ล้านบาท) 6 27 96 90 256 448 576 1,279 หมายเหตุ: รอบระยะเวลาบัญชีของ SSP เริ่มจากวันที่ 1 กรกฎาคม และสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน ในปีถัดไป ในการประเมินมูลค่าโครงการโดยวิธีส่วนลดกระแสเงินสด บริษัทได้ใช้อัตราผลตอบแทนสำหรับผู้ถือหุ้นที่ร้อยละ 18 ซึ่งคำนวณมาจากสูตร CAPM ดังนี้ อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ = อัตราผลตอบแทนในสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง + เบต้า x (อัตราผลตอบแทนในตลาด- อัตราผลตอบแทนในสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง) โดยที่ อัตราผลตอบแทนในสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง เท่ากับ 9.93% ซึ่งเท่ากับผลตอบแทนจากการลงทุนในตั๋วคงคลังอายุ 10 ปี ออกโดยรัฐบาลบังคลาเทศ ณ 19 มิถุนายน 2548 เบต้า เท่ากับ 0.94 เนื่องจากในตลาดหลักทรัพย์บังคลาเทศไม่มีบริษัทพลังงานจดทะเบียน ดังนั้นจึงใช้ค่าเบต้าของกลุ่มบริษัทพลังงานในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจาก Bloomberg Database เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2548 อัตราผลตอบแทนในตลาด เท่ากับ 18.78% เนื่องจากไม่สามารถประมาณผลตอบแทนตลาดจากตลาดหลักทรัพย์ของบังคลาเทศได้ เพราะมีธุรกิจในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมไม่ได้จดทะเบียน ที่ปรึกษาจึงคำนวณอัตราผลตอบแทนตลาดจากอัตราผลตอบแทนตลาดของไทยที่ 16.68% ซึ่งรายงานโดย Bloomberg Database เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2548 มาปรับด้วยอัตราการเติบโตของ GDP ของประเทศไทยและประเทศบังคลาดเทศ ดังนั้น อัตราตอบแทนที่ต้องการ = 9.93% + 0.94 x (18.78% - 9.93%) = 18.25% ซึ่งมูลค่าของ SSP โดยวิธีส่วนลดกระแสเงินสดอยู่ระหว่าง 6.9 ถึง 11.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังที่ได้เคยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แล้ว ดังนั้นบริษัทจึงคาดว่าน่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15--จบ--