กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--กระทรวงพลังงาน
พลโท หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะทำงานติดตามการบริหารการใช้เชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงาน ที่มีนายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้รายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้า และปริมาณการใช้ รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงรอบ 4 เดือนตั้งแต่มิถุนายน — กันยายน 2551 ซึ่งประมาณการได้ว่าค่าเอฟทีจะเพิ่มขึ้น 8.95 สตางค์ต่อหน่วย
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่โครงการก๊าซธรรมชาติแหล่งอาทิตย์ที่ได้เลื่อนการจ่ายเข้าระบบจะสามารถเรียกส่วนลดค่าก๊าซธรรมชาติจากปริมาณที่ขาดส่งได้จำนวน 1,335 ล้านบาท และส่วนลดจากกรณีท่อส่งก๊าซโครงการแหล่งก๊าซธรรมชาติเยตากุนได้อีกจำนวน 260 ล้านบาท รวมเป็น 1,595 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นส่วนลดค่าเอฟทีได้จำนวน 3.40 สตางค์ต่อหน่วย
นอกจากนี้ เมื่อนำผลจากการได้เงินคืนของแผนการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง และเงินสมทบที่ได้จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาคำนวณด้วยแล้ว รวมทั้งสิ้น 5,082 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเงินส่วนลดค่าเอฟทีได้จำนวน 10.85 สตางค์ต่อหน่วย จึงประมาณการได้ว่า ค่าเอฟทีงวดนี้จะลดลงได้ 5.30 สตางค์ต่อหน่วย
จึงได้มอบหมายให้ กฟผ. ไปเจรจากับกรมชลประทาน เพื่อบริหารการใช้น้ำ เพื่อการชลประทาน ซึ่งจะทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ (6 มิ.ย.51) ได้รับรายงานล่าสุดว่าสามารถบริหารจัดการให้มีการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านหน่วย สามารถลดค่าเอฟทีได้อีกจำนวน 0.7 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วเป็นค่าเอฟทีที่สามารถนำมาลดให้กับประชาชนในงวดเดือนมิถุนายน-กันยายน 2551 ประมาณ 6 สตางค์ต่อหน่วย
อย่างไรก็ดี การที่ค่าเอฟทีงวดนี้สามารถลดลงได้ถึง 6 สตางค์ต่อหน่วย เป็นผลจากการนำเงินคืนจากแผนการลงทุนของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง จำนวน 10.85 สตางค์ต่อหน่วย มาลดให้ในรอบนี้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ส่วนการคิดค่าเอฟทีงวดถัดไปจะต้องกลับไปคำนวณที่ฐานเดิม