KCAR สวนกระแสตลาดหุ้นผงาดยืนเหนือจอง ปิดที่ 4.94 บาท ชี้นักลงทุนเข้าใจในศักยภาพ

ข่าวทั่วไป Friday December 2, 2005 13:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--โอเอซิส มีเดีย
KCAR สวนกระแสตลาดหุ้น ผงาดยืนเหนือจองปิดที่ 4.94 บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาจอง 54 สตางค์ ชี้นักลงทุนเข้าใจตัวธุรกิจ และปัจจัยพื้นฐานโดยรวมของบริษัท มั่นใจกระแส outsourcing ขององค์กรขนาดใหญ่ ดันธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง
นายพิเทพ จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR เปิดเผยว่าจากการเข้าซื้อขายของหุ้น KCAR ในวันแรก 1 ธันวาคม 2548 ในหมวดสถาบันการเงิน (Finance) ปรากฎว่าหุ้นของบริษัทฯได้รับความสนใจจากนักลงทุนและสามารถยืนเหนือราคาจอง( Initial Public Offering : IPO) ที่ 4.40 บาทต่อหุ้น โดยมีราคาปิดที่ 4.94 บาทต่อหุ้น มีจำนวนหุ้นที่ทำการซื้อขายรวม 138.6 ล้านหุ้น และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 672.4 ล้านบาท ติดอันดับ 3 ของหุ้นที่มีจำนวนและมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดประจำวัน (Most Active Volume and Value) ซึ่งถือเป็นการสวนกระแสตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2548 ซึ่งปิดที่ 660.95 จุด ลดลง 6.80 จุด แสดงให้เห็นถึงนักลงทุนส่วนใหญ่มีความเข้าใจในธุรกิจของบริษัท รวมถึงปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
สำหรับหุ้น KCAR ถือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เนื่องจากมีผลประกอบการที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในปัจจุบันกระแสของการ outsourcing ขององค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการลดต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้บริษัทฯได้รับผลดี โดยองค์กรขนาดใหญ่หันมาใช้บริการธุรกิจรถยนต์ให้เช่าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันตัวบริษัทฯยังมีข้อได้เปรียบในด้านการบริหารต้นทุน เนื่องจากสามารถให้บริการตั้งแต่การจัดซื้อรถยนต์ ซ่อมบำรุง และบริการหลังการขายได้อย่างครบวงจรซึ่งส่งผลให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอีกด้วย
“เราค่อนข้างมั่นใจก่อนเข้าเทรดอยู่แล้วว่าหุ้น KCAR จะสามารถยืนอยู่เหนือราคาจองได้ เนื่องจากเราเน้นเสมอว่าเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งก็ต้องขอบคุณนักลงทุนด้วยที่ให้ความสนใจ และเข้าใจในตัวธุรกิจของเรา” นายพิเทพกล่าว
สำหรับ KCAR มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา KCAR มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 17 % ต่อปี และเพิ่มขึ้นประมาณ 22 % ในงวด 9 เดือน ปี 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิในปี 2547 และงวด 9 เดือนปี 2548 รวม 138 ล้านบาท และ 130 ล้านบาทตามลำดับ คิ=B--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ