บิ๊ก RICH ยิ้มโบรกฯให้ราคาเหมาะสมสูงกว่า IPO มั่นใจเข้าเทรดวันแรกหุ้นจะยืนเหนือราคาจองชัวร์

ข่าวทั่วไป Wednesday August 30, 2006 17:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--ริช เอเชีย สตีล
"สมเกียรติ" ตอกย้ำความมั่นใจให้กับนักลงทุน พรุ่งนี้หุ้น RICH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก เชื่อว่าจะสามารถยืนเหนือราคาจองได้แน่ โดยมีบทรีเสิร์ชจากโบรกเกอร์เป็นแรงหนุน ซึ่งได้ประเมินราคาเหมาะสมเอาไว้ในช่วง 2.40-2.80 บาท/หุ้น จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้เพียง 2.25 บาท/หุ้น พร้อมคุยผลประกอบการปีนี้ขยายตัวต่อเนื่อง หลังโชว์งบไตรมาส 2/49 สุดประทับใจ
นายสมเกียรติ วงศ์ศาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน) (RICH) แสดงความมั่นใจว่าหุ้น RICH ที่จะเข้าซื้อขายในวันนี้น่าจะสามารถยืนเหนือราคาไอพีโอที่กำหนดไว้ 2.25 บาท/หุ้นได้ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่โดดเด่นของบริษัท และค่าพีอีที่อยู่ในระดับต่ำประมาณ 6 เท่า ยังจะได้รับแรงหนุนจากสภาพการซื้อขายของตลาดหุ้นที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้หุ้น RICH ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากยิ่งขึ้น
"สถานการณ์รอบด้านในขณะนี้ ทั้งปัญหาการเมืองในประเทศ และปัญหาเรื่องราคาน้ำมันก็เริ่มคลี่คลายลง ทำให้ตลาดหุ้นของไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อหุ้น RICH เข้าซื้อขายในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.2549) ก็น่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวด้วย เมื่อบวกกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทซึ่งการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี และการกำหนดราคาขายไอพีโอที่ให้ Discount กับนักลงทุน จึงทำให้ผมมีความมั่นใจว่าหุ้น RICH จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.25 บาท ได้แน่"นายสมเกียรติกล่าว
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ได้ประเมินราคาเหมาะสมของ RICH ไว้ในช่วงระหว่าง 2.40-2.80 บาท/หุ้น โดยบล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้ประเมินผลการดำเนินงานปี 2549 คาดว่ายอดขายของ RICH จะยังคงเติบโตต่อเนื่องประมาณ 14% อยู่ที่ 5,588 ล้านบาท จากภาวะราคาเหล็กเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/49 และบริษัทเริ่มผลิตสินค้าระดับพรีเมี่ยมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปี 49 ปรับตัวดีขึ้นเป็น 5.32% และกำไรสุทธิจะเติบโตเป็น 149 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.30 บาท
ขณะที่ปี 2550 คาดยอดขายจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 6,384 ล้านบาท เติบโต 14% กำไรสุทธิอยู่ที่ 175 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.35 บาท การประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ RICH โดยใช้ P/E ของกลุ่มเหล็กที่ระดับ 8 เท่า เทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2549 ที่ 0.30 บาท และปี 2550 ที่ 0.35 บาท ดังนั้น Fair Value ปี 2549 เท่ากับ 2.40 บาท และปี 2550 เท่ากับ 2.80 บาท โดยให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend yield) ในปี 2549-2550 เท่ากับ 5.88% และ 6.91% ตามลำดับ
ทางด้าน บล.บีที ออกบทวิเคราะห์โดยระบุว่า ภายใต้สถานการณ์เหล็กกลับสู่ภาวะปกติ คาดปริมาณขายเหล็กปรับตัวดีขึ้น เฉลี่ย 280,000 ตัน และ 308,000 ตัน ในปี 2549 และ 2550 ตามลำดับ และภายหลังระดับราคาเหล็กปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านและต่อเนื่องมายัง Q1/2549 คาดภายหลังผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศมีการรวมตัวกันมากขึ้นคาดทำให้ราคามีการปรับตัวดีขึ้น คาดเฉลี่ย 19,000 บาท/ตัน ในปี 2549 และ 19,950 บาท/ตัน ในปี 2550 คาดรายได้ขาย 5,320 ล้านบาท และ 6,145 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.5% และ 15.5% ในช่วงเวลาดังกล่าว คาด Gross Profit Margin เฉลี่ย 5.9% และ6.5% และคาดค่าใช้จ่ายขายและบริหาร เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี คาดกำไรสุทธิ 155 ล้านบาท และ 224 ล้านบาท ในปี 2549 และ 2550 หรือคิดเป็น 0.31 บาท/หุ้น และ 0.45 บาท/หุ้น ตามลำดับ คาดจ่ายปันผลตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 50% ที่ 0.15 บาท และ 0.22 บาท ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ กำหนดราคาเป้าหมายปี 2549 ที่ 2.48 บาท โดยใช้ P/E ที่ 8 เท่า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับกลุ่ม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว โทร. 02-5549396 หรือ 01-4010226

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ