กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--บลจ.กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนตราสารหนี้ในประเทศแบบกำหนดอายุโครงการ อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการลงทุนต่อเมื่อกองทุนที่ลงทุนอยู่ครบกำหนดอายุโครงการ ซึ่งนับว่ากองทุนที่บริษัทเปิดจำหน่ายอยู่ในขณะนี้เหมาะสมสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน บริษัทได้เปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 2 ( KTFIX6M2 ) และ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์3 เดือน 3 ( KTSUP3M3) ในระหว่างวันที่ 5-11 พฤศจิกายน 2551
โดยกองทุน KTFIX6M2 เป็นกองทุนที่เปิดให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายหน่วยลงทุนได้ทุกรอบระยะเวลา 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท มีนโยบายคุ้มครองเงินลงทุน ลงทุนในตราสารที่มุ่งให้เกิดความคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ประเภทตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วน 56% และเงินฝากของสถาบันการเงินอีก 44 % ของมูลค่าทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 3.25% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังเปิดจำหน่ายกองทุน KTSUP3M3 อายุโครงการ 3เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน ได้แก่ หุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ตั๋วแลกเงินของบมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ และบมจ.บัตรกรุงไทย ในสัดส่วน 60% และลงทุนใน เงินฝาก /บัตรเงินฝากของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 40% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 3.50% ต่อปี
ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ โดยตลาดพันธบัตรระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับ 3.25-3.30% ปรับตัวลดลง 10-15 bps ถือว่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนตราสารรุ่นอายุ 6-12 เดือน จะมีผลตอบแทนต่ำกว่ารุ่นอายุ 1-6 เดือน เนื่องจากได้มีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า จึงส่งผลให้มีความต้องการถือครองตราสารรุ่นอายุยาวมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากผลตอบแทนที่จะลดลงในอนาคต(Reinvestment Risk) ขณะที่อุปทานของตราสารหนี้มีอยู่ค่อนข้างจำกัด โดยล่าสุดตารางประมูลตั๋วเงินคลังสำหรับเดือนพฤศจิกายนนี้มีน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด
สำหรับตราสารการเงินของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชน ตลาดมีความกังวลน้อยลงเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเครดิต หลังจากวิกฤตการณ์การเงินในระหว่างประเทศเริ่มคลี่คลาย และรัฐบาลได้ประกาศยืดระยะเวลาการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนไปอีก 3 ปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
แสงสิริ เนตรอัมพร /สำนักประชาสัมพันธ์
โทร 02-670-4900 ต่อ 1235 / 085-1800-441