กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
PYLON ตอกย้ำความมั่นใจนักลงทุน ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้เป็น 700 ลบ. หลังจากโชว์ผลงาน 3 ไตรมาสปั๊มรายได้ทะลุเป้าเดิมที่ 550 ลบ.สำเร็จ “บดินทร์ แสงอารยะกุล” เชื่อรับมือกับกระแสเศรษฐกิจซบได้ เหตุมีงานในมือรอรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าอีก 250 ลบ. และเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง หวังงานรถไฟฟ้าเริ่มเดินกระตุ้นงานเอกชนเข้าตลาดเพิ่มขึ้น เชื่อเป็นผลดีต่อธุรกิจรับเหมาฐานราก ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3/2551 และผลประกอบการในงวด 9 เดือน พบว่าทั้งรายได้และกำไรปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะรายได้ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำรายได้ได้ถึง 556 ล้านบาท สูงเกินเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 500-550 ล้านบาท บริษัทฯ จึงได้ประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจใหม่ และตัดสินใจเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปีนี้ขึ้นเป็น 700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 150-200 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม หลังจากพบว่าธุรกิจรับเหมาฐานรากยังไปได้ดี
“หลังจากประกาศผลงานไตรมาสที่ 4 และงวด 9 เดือน ออกมาค่อนข้างดี และประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจในไตรมาสที่ 4 แล้วพบว่าแนวโน้มในไตรมาสสุดท้ายน่าจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ จึงตัดสินใจปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ขึ้นเป็น 700 ล้านบาท เพราะเรามั่นใจว่า Backlog (งานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้) ที่มีอยู่แล้ว 250 ล้านบาท สามารถรองรับเป้าหมายดังกล่าวได้ ประกอบกับยังมีแผนที่จะเข้าประมูลโครงการภาครัฐและเอกชนอีกมูลค่ามากกว่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานไม่น้อยกว่า 20-25% ของงานที่เข้าร่วมประมูลและหากได้รับงานในโครงการจะกล่าว จะทยอยรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่ปีนี้ ก็จะช่วยสนับสนุนให้รายได้ปรับเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง”
นายบดินทร์กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าปีนี้จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจของอเมริกา และปัญหาการเมืองในประเทศเข้ามากระทบจนทำให้งานเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดภาวะการแข่งขันสูง แต่ยังมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทฯ จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากได้บริหารงานอย่างระมัดระวัง และเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร และระบบงานมาแล้วเป็นอย่างดี อย่างไรตาม หากโครงการรถไฟฟ้า และโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเริ่มมีความชัดเจนขึ้น เชื่อว่าตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไปก็อาจจะมีโครงการของภาคเอกชนออกมาสู่ตลาดเพิ่มขึ้นก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจ
สำหรับผลประกอบการ PYLON ประจำไตรมาสที่ 3/2551 บริษัทฯ มีรายได้รวม 220.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134.90 ล้านบาท เมื่อเทียบกับจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 86.06 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับงวดสามเดือนเท่ากับ 26.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.23 ล้านบาท หรือร้อยละ 267.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 7.17 ล้านบาท สำหรับงวดเก้าเดือนบริษัทฯ มีรายได้ 556.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 290.14 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 266.10 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 49.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.61 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 193.04 เมื่อเปรียบเทียบกับงวด เดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.89 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/2551 และงวด 9 เดือน ที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวบริษัทฯ ได้รับงานรวมวัสดุมากขึ้น
“การรับงานรวมวัสดุมากขึ้นทำให้รายได้ของเราเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีงานเข้ามือเพิ่มขึ้น ดังนั้น ถึงแม้ว่าการแข่งขันในตลาดจะเพิ่มขึ้น และการที่ต้นทุนวัสดุเหล็ก และน้ำมันมีความผันผวนสูงในช่วงไตรมาส2-3 จนทำให้มาร์จิ้น (อัตรากำไรขั้นต้น) ลดลง โดยในไตรมาสที่ 3/2551 มาร์จิ้นของ PYLON อยู่ที่ระดับ 18.78% จาก 20.38% ในปีก่อน และงวด 9 เดือนอยู่ที่ระดับ 16.20% ลดลงจาก 17.85% ในช่วงเดียวกันของปี 2550 แต่งานที่เพิ่มขึ้นมา ควบคู่กับที่บริษัทฯได้บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพก็ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่น” นายบดินทร์ในที่สุด
ข้อมูลบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON)
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานฐานรากงาน แบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้ คือ
1.งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และโครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้เสาเข็มเจาะยังลดมลภาวะเรื่องเสียงและแรงสั่นสะเทือนเมื่อเทียบกับการใช้เสาเข็มตอก การก่อสร้างเสาเข็มเจาะนั้นสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ จากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 50 เซนติเมตร จนถึงมากกว่า 1 เมตรขึ้นไป และทำได้ถึงความลึกมากกว่า 60 เมตร ขึ้นอยู่กับการออกแบบกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่
2. งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนักมากขึ้นและป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ และ 3.งานก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม (Diaphragm Wall) กำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรมเป็นการก่อสร้างกำแพงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักและป้องกันการเคลื่อนตัวของดินทางด้านข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337 / 02-5549395