ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร “ธ. ทหารไทย” เป็น “A” จาก “A-” และหุ้นกู้ด้อยสิทธิเป็น “A-” จาก “BBB+”

ข่าวทั่วไป Thursday September 7, 2006 09:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็น “A” จาก “A-” และปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 8,000 ล้านบาท (TMB153A) ของธนาคารเป็น “A-” จาก “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความสามารถของคณะผู้บริหารของธนาคาร ตลอดจนพัฒนาการที่มั่นคงในการควบรวมกิจการ การสร้างระบบบริหารความเสี่ยงและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมาตรฐานสากล รวมทั้งสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งขึ้นจากการขยายมูลค่าทางธุรกิจ (Franchise Value) หลังการควบรวมกิจการของธนาคารทั้ง 3 แห่งตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 เป็นต้นมา อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรและระดับสภาพคล่องที่ดีขึ้น รวมถึงฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจากความสำเร็จในการเพิ่มทุน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวยังมีข้อจำกัดบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและปัจจัยแวดล้อมในธุรกิจธนาคารที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งอาจทำให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารถดถอยลงและอาจจำกัดการขยายตัวทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรได้
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่า ธนาคารจะสามารถพัฒนาระดับคุณภาพสินทรัพย์ ตลอดจนความสามารถในการทำกำไร และสถานะสภาพคล่องทางการเงินให้ดีขึ้น จุดแข็งของแต่ละสถาบันที่ควบรวมกันได้ส่งเสริมให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นแก่ธนาคารและเอื้อต่อการให้บริการในธุรกิจธนาคารแบบครบวงจร และเป็นที่คาดว่าจะช่วยเสริมฐานะการแข่งขันในการให้บริการธุรกิจธนาคารอย่างเต็มรูปแบบได้ในอนาคต ทั้งนี้ การบรรลุผลสำเร็จในการส่งเสริมซึ่งกันและกันของกลุ่มธนาคารทหารไทย และความผสมผสานกลมกลืนในการทำงานในทุกระดับของธนาคารเป็นสิ่งที่ยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งรายงานว่า การควบรวมกิจการของ 3 ธนาคารในเดือนกันยายน 2547 ได้ก่อให้เกิดการส่งเสริมซึ่งกันและกัน รวมทั้งสร้างมูลค่าทางธุรกิจของธนาคารทหารไทยให้เพิ่มขึ้นจากศักยภาพของทั้ง 3 ฝ่าย ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของธนาคารซึ่งวัดจากขนาดของสินทรัพย์เมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 7 ณ เดือนมิถุนายน 2547 เป็นอันดับที่ 5 หลังการควบรวมกิจการ ธนาคารได้พิสูจน์ความสามารถในการผ่านพ้นช่วงการเปลี่ยนถ่ายองค์กรด้วยดี โดยบรรลุวัตถุประสงค์ในการปรับโครงสร้างองค์กรและการควบรวมการดำเนินงาน การบริหารทรัพยากรบุคคล และการพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงและเทคโนโลยีสารสนเทศ ในขณะเดียวกันยังสามารถฟื้นฟูสถานะทางการเงินของธนาคารในช่วงปี 2548 และครึ่งแรกของปี 2549 ให้ดีขึ้นด้วย ณ เดือนมิถุนายน 2549 ธนาคารรายงานยอดสินทรัพย์ตามงบการเงินรวมที่ระดับ 770,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% จาก 717,199 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 และรายงานผลกำไรสุทธิถึง 3,329 ล้านบาทสำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ซึ่งเป็นระดับที่ดีกว่าความคาดหมายของทริสเรทติ้ง สภาพคล่องที่อ่อนแอของธนาคารหลังจากการควบรวมกิจการค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ เดือนมิถุนายน 2549 สภาพคล่องของธนาคารยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย แต่ก็ปรับตัวดียิ่งขึ้นจากแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินของธนาคารในช่วงปี 2548 และครึ่งแรกของปี 2549
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ความสำเร็จในการเพิ่มทุนโดยการเสนอขายหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นในส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคารเกือบ 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานะเงินกองทุนของธนาคารในการรองรับความเสี่ยงจากหนี้เสีย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนลดระดับหนี้เสีย อีกทั้งยังสนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อของธนาคารในระยะปานกลางต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ