DCON ชี้ดีเซลปรับส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้านขนส่งเตรียมปรับแผนเน้นรายได้จากโครงการบ้านอรดาเพิ่ม

ข่าวทั่วไป Friday March 25, 2005 15:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--สตาร์ มีเดีย เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแตนท์
DCON ระบุน้ำมันดีเซลปรับราคา ส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้านขนส่ง และวัตถุดิบเพิ่ม เตรียมวางนโยบายด้านการตลาดมุ่งทำรายได้จากโครงการบ้านอรดามากขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพิ่มมั่นใจสิ้นไตรมาส 4 ยอดขายถึงพันล้าน เผยอนาคตประเทศไทยจะมีโรงงานผลิตคอนกรีตมวลเบาระบบ CLC ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นายวิทวัส พรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DCON เปิดเผยถึงกรณี น้ำมันดีเซลปรับราคาสูงขึ้นว่า ขณะนี้บริษัทฯยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยมองว่าหากน้ำมันไม่ปรับราคาเพิ่มวัตถุดิบก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มราคาขึ้นอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าปัจจุบันบริษัทฯ มีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้หากราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบประมาณ 15-20% ภายใน 3 — 5 เดือนข้างหน้า สำหรับลูกค้ารายเดิมอาจไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาวัสดุ แต่สำหรับลูกค้ารายใหม่นั้นราคาสินค้าจะต้องปรับไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน
นายวิทวัสกล่าวอีกว่า แนวโน้มสำหรับยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ไม่ดีเท่ากับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาวัสดุปรับตัวสูงขึ้น อาทิ การปรับเพิ่มราคาปูนซีเมนต์ เหล็ก เป็นต้น ส่งผลกระทบกับต้นทุนของบริษัทที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนักขณะนี้มีเฉพาะเรื่องการขนส่งเท่านั้น ที่มีผลกระทบค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น อย่างไรก็ตามรายได้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายอดขายแผ่นพื้นและเสาเข็มเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5 % แต่รายได้จากราคาขายลดลง
“บริษัทฯยังมั่นใจกับรายได้ที่ประมาณการไว้ว่า สิ้นปี 48 จะสามารถทำรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกอาจมีรายได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาสแรกของปี 47 อย่างไรก็ตามในปีนี้เรามุ่งเน้นทำการตลาดในส่วนของบ้านเดี่ยวผ่านโครงการบ้านอรดาโดยตั้งเป้าการผลิตที่ 80 ยูนิต ราคาบ้านเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณกลางปีนี้แน่นอน” นายวิทวัสกล่าวและว่า
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2548 ในปีนี้คงได้รับแรงหนุนจากกำลังการผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นจาก 198,000 ตร.ม.ต่อเดือนเป็น 270,000 ตร.ม.ต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงที่เพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน ส่วนโรงงานคอนกรีตมวลเบาระบบ CLC ประมาณการกำลังการผลิต 3 ล้านตร.ม. และโครงการบ้านอรดา และมินิแฟคตอรี่ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปี 2548 อย่างไรก็ตามบริษัทฯมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโรงงานคอนกรีต มวลเบาระบบ CLC จะเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
วิชชุดา ทองสุทธิ์ , อุบลราช ชาตรี
บริษัท สตาร์ มีเดีย เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทรศัพท์ 0-2951-3531 ,0-2951-2822--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ