กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
"ริช ฟิทเจอรัล" มั่นใจในโอกาสทางธุรกิจภายใต้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เชื่อยังเห็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะ Niche Market ตลาดอิเล็กทรอนิกส์นวัตกรรมใหม่ ที่มีผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกไม่มาก และมีการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับการยกระดับมาตรฐานฐานการผลิตขึ้นสู่ระดับเวิลด์คลาสได้เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ส่งผลให้เริ่มมีออเดอร์ใหม่เข้ามาต่อเนื่องแล้ว เชื่อหลังไตรมาสที่ 2 จะ เห็นการเติบโตชัดเจนขึ้น
นายริช ฟิทเจอรัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TEAM กล่าวถึงการชะลอตัวของตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาวะเศรษฐกิจโลกว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกดดันผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก และลูกค้าของ TEAM ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกดังกล่าว ซึ่งมีผลกระทบต่อ TEAM ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับ TEAM ยังเห็นเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ยังมีศักยภาพในการเติบโต ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดเฉพาะ (Niche Market) ที่ไม่รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยตรงมากนักโดยบริษัทฯ มีนโยบายจะขยายธุรกิจเจาะตลาดกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นสินค้านวัตกรรมใหม่ (Innovative electronic) อย่างจริงจัง เนื่องจากผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ต้องมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนอกจากจะขยายฐานลูกค้าแล้ว ยังถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ต้องพึ่งพากลุ่มลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกทางหนึ่งด้วย
"ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จะชะลอตัวลงไปในทิศทางเดียวกับภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ ในขณะที่ยังมีสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์บางกลุ่มยังสามารถเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่ม Innovative electronic เนื่องจากต้องมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เรายังมีช่องทางการเติบโต ดังนั้นในปีนี้จึงได้ปรับแผนการขยายธุรกิจหันเจาะตลาดเฉพาะเหล่านี้อย่างจริงจัง และขณะนี้เริ่มมีคำสั่งผลิตสินค้าเข้ามาแล้วซึ่งถือว่าเดินมาถูกทาง "
นายริช กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการปรับแผนธุรกิจมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตแล้ว การมุ่งยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าขึ้นสู่มาตรฐานระดับโลก (World Class) ของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องได้ เนื่องจากเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล เพราะการผลิตสินค้าในโรงงานการผลิตที่มีมาตรฐานระดับสากลจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของสินค้าได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานนานาชาติสำหรับระบบบริหารจัดการคุณภาพ ISO9001:2000 และ ISO/TS16949 :2002 มาตรฐานระบบบริหารจัดการคุณภาพสำหรับบริษัทผู้ผลิตเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และล่าสุดมาตรฐาน OHSAS 18001:2007 ระบบการบริหารจัดการ อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในโรงงาน และมาตรฐาน ISO13485 สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ และในอนาคตบริษัทฯ ยังมีแผนงานที่จะได้รับการรับรองเพื่อการเป็นองค์กรระดับโลกในสาขาอื่นๆ ต่อไป
เขากล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล ขณะนี้ได้มีลูกค้าหลายรายได้ให้ความสนใจจะส่งสินค้าเข้ามาผลิตในโรงงานของบริษัทฯ แล้ว อาทิ ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ที่ต้องการฐานการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีสูง และต้องการความปลอดภัยในการใช้งานสูงสุด โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบสินค้า ซึ่งการตอบรับในทิศทางที่ดีของลูกค้า
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังคงมุ่งหน้าวางแผนการจัดการโครงสร้างต้นทุนและงบประมาณรายจ่ายที่จำเป็นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในอนาคต ดำเนินการบริหารระบบซัพพลายเชนร่วมกับการบริหารควบคุมระบบสินค้าคงคลังอย่างเคร่งครัด ตลอดจนรักษาระดับมาตรฐานคุณภาพสูงสุดในการผลิตผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าในตลาดโลก ดังนั้นถ้ารวมคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาในอนาคตกับลูกค้าเดิมที่มีอยู่เชื่อว่าในปีนี้จะสามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตจากปีที่ผ่านมาได้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัว โดยจะเห็นการเติบโตของรายได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2552 เป็นต้นไป
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณวสรา โชติธรรมรัตน์ ส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ 02-5772350 ต่อ 106