“ชาญอิสสระ” ไม่หวั่นปฏิรูปการเมือง เชื่อส่งผลดีต่อภาคธุรกิจอสังหาฯระยะยาว

ข่าวทั่วไป Friday September 22, 2006 12:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--คิธ แอนด์ คินฯ
ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ฯ” เชื่อเหตุการณ์การปฏิรูปการปกครองส่งผลดีต่อภาคธุรกิจมากกว่าผลเสีย เผยหลังมีความแน่นอนทางการเมืองอยากเห็นความชัดเจนเรื่องการเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาฯไทย กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน และสัญญาเช่าทรัพย์สินของต่างชาติ พร้อมโชว์ยอดขายบ้านอิสสระ พระราม 9 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มุ่งเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ปลายปีนี้
นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า ผลกระทบจากการปฏิรูปทางการเมืองครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่ปัญหาการเมืองอยู่ในภาวะอึมครึมต่อเนื่องมานาน จนสร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยคาดว่าจะเกิดผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งเกิดภาวะตกใจกับสถานการณ์เพียงระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวเชื่อว่าภาพรวมของประเทศไทย ในทุกด้านโดยเฉพาะเศรษฐกิจจะดีขึ้น
โดยภาคธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบชัดเจนก็จะเป็นภาคท่องเที่ยว และตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน จนราคาหุ้นปรับลดลงบ้าง แต่ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะพฤติกรรมผู้ซื้อจะต้องเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า จึงอาจไม่หวั่นไหวไปกับสถานการณ์ในทันที ประกอบกับปัจจุบันราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวและลดลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยกระตุ้นตลาดอีกทางด้วย
“เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ดี แม้จะมีผลกระทบบ้าง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติ เพราะจะมีทิศทางของประเทศ ทั้งปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ การสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ และในหลายด้านมีความชัดเจนกว่าในช่วงการบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีปัญหาการแตกแยกของคนในสังคม และความไม่โปร่งใสขององค์กรอิสสระ” นายสงกรานต์ กล่าว
นายสงกรานต์ ยังกล่าวในฐานะผู้ประกอบการด้านอสังหาฯว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปฏิรูปทางการเมืองแล้ว สิ่งที่ภาคธุรกิจอสังหาฯอยากจะเห็นความชัดเจนมากที่สุดคือ นโยบายเรื่องการที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาฯในไทย และนโยบายเกี่ยวกับการครอบครองกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของชาวต่างชาติ รวมถึงเรื่องสัญญาเช่าทรัพย์สินของนักลงทุนต่างชาติ ที่ปัจจุบันกำหนดให้มีสัญญาเช่าไม่เกิน 30 ปี ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาลดเงื่อนไขบางประการลง เพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติให้หันมาเช่าทรัพย์สินมากกว่าที่จะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินโดยผ่านตัวแทน หรือ นอมินี และเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว ขณะเดียวกันหากจัดให้มีการเลือกตั้งได้โดยเร็วที่สุดจะยิ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากยิ่งขึ้นด้วย
“ที่ผ่านมานโยบายเรื่องการเข้ามาลงทุนในภาคอสังหาฯ การครอบครองกรรมสิทธิ์และการเช่าทรัพย์สินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่ชัดเจน ทำให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯไม่ค่อยเติบโตเท่าที่ควร โดยตลาดรวมอสังหาฯตลอดปีนี้คาดว่าจะชะลอตัวลง 10-20% ทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า” นายสงกรานต์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าโครงการบ้านอิสสระ พระราม 9 ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนนั้น นายสงกรานต์ กล่าวว่า ยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดเหลือบ้านรอการขายเพียง 7-8 หลัง จากทั้งโครงการ 54 หลัง ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้จะสามารถปิดโครงการได้ ในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นยังมั่นใจว่า ชาญอิสสระฯจะมีรายได้ทั้งปีตามเป้าหมายที่วางไว้ คือประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวจากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,094 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท เนื่องจากมีหลายโครงการที่รอรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง
กรรมการผู้จัดการชาญอิสสระฯ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทางบริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีกจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น ที่ถนนลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรท์ ที่กล้วยน้ำไท 42 มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าวอยู่ในทำเลที่ใกล้กับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และโครงการคอนโดมิเนียมริมทะเลที่ชะอำ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
บริษัท คิธ แอนด์ คินฯ จำกัด
ธนากร พรมหาญ โทร. 0 2663 3226 ต่อ 62 , 084-695-1949
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ