กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บอร์ดศูนย์รับฝากฯ อนุมัติอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการของธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ หรือ SBL ร้อยละ 5 ของอัตราค่าธรรมเนียมการยืม กำหนดอัตราเรียกเก็บขั้นต่ำ 100 บาทต่อธุรกรรม โดยเรียกเก็บจากทั้งผู้ยืมและผู้ให้ยืม หลังศูนย์รับฝากฯ ได้รับอนุมัติทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทำธุรกรรม SBL เผยจะช่วยลดต้นทุนในการปฏิบัติงานของบริษัทหลักทรัพย์ ลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่าย รวมทั้งยังลดและแก้ปัญหาการผิดนัดส่งมอบหลักทรัพย์ฯ ระหว่างลูกค้า นางนงราม วงษ์วานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง ผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ศูนย์รับฝากฯ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2549 ว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติอัตราค่าธรรมเนียมธุรกรรมบริการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ หรือ SBL : Securities Borrowing and Lending โดยขณะนี้ศูนย์รับฝากฯ ได้พัฒนารูปแบบและระบบงาน SBL ไปแล้วประมาณร้อยละ 90 และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบขั้นสุดท้าย พร้อมทั้ง การทดสอบระบบกับผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก รวมถึง การจัดอบรมพนักงานและผู้เกี่ยวข้องในการใช้ระบบ เพื่อเตรียมความพร้อม โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในปี 2549 นี้ สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมในการให้บริการธุรกรรม SBL นั้นศูนย์รับฝากฯ จะเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 5 ของค่าธรรมเนียมการยืม ซึ่งเป็นอัตราที่ตกลงกันระหว่างผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ และกำหนดอัตรา ขั้นต่ำ 100 บาทต่อธุรกรรม โดยเรียกเก็บจากทั้งผู้ยืมและผู้ให้ยืม ทั้งนี้ จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนที่เกิดขึ้นโดยระบบอัตโนมัติ อันเนื่องมาจากการยืมและคืนหลักทรัพย์ในธุรกรรม SBL รวมถึงการโอนและคืนหลักทรัพย์ที่เป็นหลักประกันในธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน หรือ Private Repo รวมทั้ง ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการเป็นตัวกลางให้แก่สำนักหักบัญชี สำหรับหลักทรัพย์ที่สามารถยืมและให้ยืมได้ต้องเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ในระบบรับฝากของศูนย์รับฝากฯ ยกเว้นหลักทรัพย์ประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) หลักทรัพย์ที่ถูกห้ามซื้อขายเป็นการชั่วคราว (SP) และหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ (REHABCO) ทั้งนี้ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว ได้มีการศึกษาเทียบเคียงจากการให้บริการของตลาดหุ้นในแถบเอเชีย ซึ่งมีลักษณะการให้บริการธุรกรรม SBL ใกล้เคียงกัน ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ประเทศไต้หวัน และศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ประเทศเกาหลี การทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ของศูนย์รับฝากฯ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อตลาดทุนโดยรวม เนื่องจากการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์เป็นส่วนสำคัญของการขายชอร์ต ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนมีเครื่องมือในการลงทุนในภาวะที่ราคาหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลง “ศูนย์รับฝากฯ จะอำนวยความสะดวกแก่บริษัทหลักทรัพย์ทั้งการเป็นศูนย์กลางในการจับคู่ระหว่างผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ การเป็นศูนย์กลางของข้อมูลการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ โดยบริษัทหลักทรัพย์จะสามารถตรวจสอบรายงานและสถานะการยืมและคืนหลักทรัพย์ได้วันต่อวันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์และหลักประกัน การบริหารหลักประกัน รวมทั้งการติดตามให้มีการนำส่งสิทธิประโยชน์ที่บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ที่ยืมและ/หรือที่เป็นประกัน โดยให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างคู่สัญญา การจัดทำรายงานแจ้งสถานะให้แก่คู่สัญญา และการประสานงานกับคู่กรณีเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดนัด การทำหน้าที่ดังกล่าว จะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการปฏิบัติงานของบริษัทหลักทรัพย์ เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์ไม่ต้องพัฒนาระบบงาน หรือพัฒนาบุคลากรขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อรองรับธุรกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ ยังลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย รวมทั้ง ยังลดและแก้ปัญหาการผิดนัดส่งมอบหลักทรัพย์ฯ ระหว่างลูกค้าด้วย” กรรมการผู้จัดการกล่าว ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกรรม SBL ทั้งหมด 8 แห่ง ได้แก่ บริษัท หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (ทีเอสเอฟซี) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ ภัทร จำกัด และมีสถาบันการเงิน 3 แห่ง ได้แก่ ซิตี้แบงก์ ดอยช์แบงก์ และ ธนาคารแห่งอเมริกา เนชั่นแนล แอสโซซิเอชั่น ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/ ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797