แผลเป็นจาก “สิว” ตัวการร้ายลึกของผิวสวยช่วยได้ด้วยเจลลดรอยแผลเป็น ฮีรูสการ์

ข่าวทั่วไป Monday June 8, 2009 10:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ “สิว” ในชีวิตหนึ่ง คงหาคนที่ไม่เคยเป็นสิวได้น้อย ไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยน สิวผด สิวอักเสบ เมื่อเกิดปัญหาสิว หลายคนพยายามรักษาให้หายโดยง่ายและเร็ว อย่างการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวหรือปรึกษาแพทย์ แต่รู้หรือไม่ว่าสิวเล็กๆ นั้นอาจทิ้งรอยแผลเป็นที่มีระดับความรุนแรง จนไม่ใช่แค่เรื่องสิวๆ ล่าสุด ผลิตภัณฑ์เจล ลดรอยแผลเป็น “ฮีรูสการ์” น้องใหม่จากฮีรูดอยด์ นำโดย ปรวีท์ยา ไวศยะ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส แผนกเมดดิโนวา บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ได้จัดเวิร์กช็อป “ท้าพิสูจน์ผจญภัยไร้แผลเป็น” ให้ความรู้เรื่องสิวเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกิจกรรมตรวจสภาพผิว โดยมี 2 ดาราวัยใสอย่าง เอมี่ — มัฒธณิตาศ์ เศวตวิธยะธาดากุล และฝ้าย — อังศุมา สภารักษ์ปัญญา ร่วมเล่าประสบการณ์สิวและแผลเป็นอย่างใกล้ชิด ณ บีดีซี บาย ด็อกเตอร์อรวรรณ ชั้น 4 เมเจอร์อเวนิว รัชโยธิน ภายในงาน น.ท.พญ. อรวรรณ กิจเชวงกุล แพทย์ผิวหนัง ได้ให้ความรู้เรื่องสิวและแผลเป็นว่า “ปัญหาสิวเกิดจากฮอร์โมนเพศชายที่มีอยู่ในทั้งผู้หญิงและผู้ชาย การเกิดสิวจึงเกิดได้ทุกวัยและทุกเวลา เช่น ช่วงวัยรุ่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน อยู่ในภาวะเครียด หรืออดนอน ล้วนเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนเกิดความไม่สมดุลและเป็นสิว ทางการรักษาแบ่งแยกสิวเป็น 2 ประเภท คือ สิวอักเสบ ลักษณะตั้งแต่เป็นตุ่มแดง คัน เจ็บ เป็นหนอง และสิวไม่อักเสบ ลักษณะเป็นผดผื่น สิวหัวขาว สิวหัวดำ หรือสิวเสี้ยน ทั้งนี้ สิวอาจก่อให้เกิดแผลเป็นได้หากถูกแกะ กด หรือเป็นบาดแผลที่ลึกกว่ารูขุมขน จึงไม่ควรแกะหรือบีบสิวด้วยเล็บมือหรืออุปกรณ์ที่ไม่แน่ใจในความสะอาดเด็ดขาด หลายคนสิวเล็กนิดเดียว แต่ชอบแกะด้วยเล็บสกปรก ทำให้มีเชื้อโรคเข้าไปและลุกลามจนลึกถึงรากขน ทำให้เกิดแผลเป็น ทางที่ดีควรใช้ที่กดสิวเช็ดด้วยแอลกอฮอลล์ หรือไปพบแพทย์จะดีที่สุด ส่วนสิวที่ไม่ลึกกว่ารูขุมขนนั้น บนผิวหน้ามีเซลล์ต้นกำเนิดอยู่จะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ ระหว่างเป็นสิวก็ไม่ควรไปจับบ่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคเข้าสู่สิว” “แต่หากเกิดแผลเป็นขึ้นแล้ว สังเกตได้ว่าบริเวณเหนือจมูกขึ้นไปมักเกิดแผลเป็นหลุม เนื่องจากพังผืดยึดจากใต้ผิว นับเป็นแผลเป็นที่รักษายากที่สุด ส่วนบริเวณต่ำกว่าจมูกลงมามักเกิดแผลเป็นนูน เช่น รอยแผลเป็นคีลอยด์จากการปลูกฝี การรักษาแผลเป็นจากสิวทำได้หลายวิธีนอกโดยวิธีง่ายๆ คือใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอย หรือการใช้ยาช่วยลดรอยแผลเป็น ซึ่งควรรีบทำทันทีเมื่อแผลแห้งตกสะเก็ดแล้ว ในขณะที่เนื้อยังชมพูๆ อยู่ ส่วนรอยดำนั้นหากปล่อยไว้ตามธรรมชาติก็สามารถหายเองได้ใน 3-6 เดือน ทั้งนี้ การป้องกันที่ดีที่สุดจึงควรป้องกันผิวหน้าไม่ให้เกิดสิว ด้วยการรักษาความสะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันของต่อมไขมัน หรือหากเป็นสิวแล้วก็ควรรีบรักษา โดยเฉพาะสิวหัวช้างซึ่งอันตรายที่สุดควรปรึกษาแพทย์ให้รักษาด้วยการฉีด และต้องรู้ไว้ว่าสิวสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งตัว นอกจากผิวหน้าที่จะมีต่อมไขมันมากถึง 250 ต่อมต่อ 1 ตารางเซนติเมตร แล้ว ตรงหน้าอก แผ่นหลังก็มีต่อมไขมันมากเช่นกัน เราจึงควรหมั่นดูแลรักษาร่ายกายให้สะอาดเช่นเดียวกับผิวหน้าด้วย” ด้าน ฝ้าย — อังศุมา สภารักษ์ปัญญา เล่าว่า “ฝ้ายเป็นสิวมาหมดแล้วค่ะทุกอย่าง และรักษามาหลายวิธีแล้ว ทั้งหาหมอ ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรือแม้แต่สมุนไพร ตอนนี้ค้นพบแล้วว่าการรักษาความสะอาดผิวหน้าดีที่สุดค่ะ เพราะฝ้ายเชื่อว่าป้องกันย่อมดีกว่าแก้ไข” ขณะที่ เอมี่ — มัฒธณิตาศ์ เศวตวิธยะธาดากุล เผยว่า “อยากแนะนำว่าเมื่อเป็นสิวสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือบีบหรือแกะสิว เพราะอาจทำให้อักเสบและลุมลามได้ แม้ว่าวิธีเหล่านั้นจะทำให้สิวหายไปจากใบหน้าเราเร็วจริง แต่สิ่งที่จะคงอยู่ถาวรคือร่องรอยจากการบีบหรือแกะสิวเม็ดนั้นนั่นเอง ดังนั้น ถ้าเป็นสิวจนกังวลใจจริงๆ ควรปรึกษาแพทย์ดีกว่าค่ะ” ดังนั้น สาวๆ หนุ่มๆ ทั้งหลายจึงควรป้องกันการเกิดสิว ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นตามมา ด้วยการรักษาความสะอาด... หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300, 0-2434-8547 คุณสุจินดา, คุณแสงนภา, คุณชินนารี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ