ส่วนราชการขอร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด

ข่าวทั่วไป Monday June 15, 2009 10:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ. เผยความคืบหน้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ระบุ มี 186 ส่วนราชการ แจ้งความประสงค์ในการดำเนินมาตรการฯ โดยเตรียมเปิดรับสมัครในวันที่ 16-30 มิถุนายน นี้ นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (วันที่ 1 ตุลาคม 2552) โดยคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) สำนักงาน ก.พ. ได้ทำหนังสือแจ้งเวียนที่ นร 1008.1/105 ไปยังส่วนราชการ ชี้แจงรายละเอียดมาตรการปรับปรุงอัตรากำลัง ตลอดจนกำหนดการและขั้นตอน โดยให้หน่วยงานจัดทำรายละเอียดข้อเสนอมาตรการเสนอต่อ คปร. พิจารณาภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 นั้น ปรากฏว่าขณะนี้ คปร. โดยคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อกำกับการดำเนินการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแผนดำเนินมาตรการฯ ของส่วนราชการแล้ว โดยมีส่วนราชการ ที่แจ้งความประสงค์ที่จะดำเนินมาตรการฯ รวม 186 ส่วนราชการ และในระหว่างวันที่ 1-15 มิถุนายน 2552 นี้ ส่วนราชการจะได้เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ภายใน รวมถึงประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ข้าราชการได้รับทราบ “ในการจัดทำรายละเอียดข้อเสนอมาตรการเสนอต่อ คปร. ของส่วนราชการนั้นอยู่บนพื้นฐานที่ว่าการดำเนินมาตรการฯ ดังกล่าว ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติงานโดยรวมของส่วนราชการ และมีงบประมาณของส่วนราชการรองรับให้พิจารณาดำเนินการได้ ในขณะที่การออกหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการฯ ของส่วนราชการนั้นก็อย่างเช่น การกำหนดงาน หรือสาขาวิชาชีพขาดแคลนที่ห้ามมิให้ข้าราชการเข้าร่วมโครงการฯ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ส่วนราชการต้นสังกัด ซึ่งจะมีการเปิดรับสมัครในระหว่างวันที่ 16 — 30 มิถุนายน นี้” เลขาธิการ ก.พ. กล่าว เลขาธิการ ก.พ. กล่าวด้วยว่า สำหรับขั้นตอนภายหลังปิดรับสมัครแล้ว ทางส่วนราชการจะพิจารณาการลาออก พร้อมทั้งแจ้งจำนวนและรายละเอียดของผู้ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตลอดจนการจัดทำประมาณการงบประมาณ ต่อสำนักงาน ก.พ. จากนั้นภายในเดือนกันยายน 2552 ส่วนราชการจะออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือนประจำปี และคำสั่งอนุญาตให้ออกจากราชการ พร้อมทั้งแจ้งผลการพิจารณาให้กรมบัญชีกลางและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยวันที่ 1 ตุลาคม 2552 จะเป็นกำหนดที่ผู้ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามโครงการฯ ออกจากราชการ อนึ่ง กลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ คือต้องเป็นข้าราชการที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีเวลาราชการ 25 ปีขึ้นไป (ไม่รวมเวลาทวีคูณ) นับถึงวันก่อนออกจากราชการตามมาตรการฯ ขณะเดียวกัน ต้องมีคุณสมบัติ คือ ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสอบสวนหรือสอบหาข้อเท็จจริงทางวินัย พิจารณาโทษทางวินัย รายงานการลงโทษทางวินัย หรือพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย หรือเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย ในคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท และผู้ออกจากราชการจะต้องมีเวลาราชการเหลือตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป นับตั้งแต่วันที่ออกจากราชการตามมาตรการฯ นอกจากนี้ ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะต้องออกจากราชการไม่ว่ากรณีใดๆ ตามกฎหมาย และหากเป็นผู้อยู่ระหว่างปฏิบัติราชการชดใช้ตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับส่วนราชการในการไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย จะต้องปฏิบัติราชการชดใช้มาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาศึกษาดังกล่าว และจะต้องยอมชดใช้เงินตามสัญญาผูกพันที่ได้ทำไว้กับราชการสำหรับเวลาที่ยังปฏิบัติราชการชดใช้ไม่ครบ ทั้งนี้ ผู้จะได้รับอนุญาตให้ออกจากราชการตามมาตรการฯ จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตั้งแต่วันที่ยื่นใบสมัครจนถึงวันที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากราชการ ส่วนสิทธิประโยชน์ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะแยกเป็น 2 ส่วนคือสิทธิประโยชน์ที่เป็นเงินก้อน 8-15 เท่าของเงินเดือนรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) ตามเวลาราชการที่เหลือ (ปี) และสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินก้อนที่ได้รับตามมาตรการฯ นี้ การยกเว้นภาษีในส่วนของเงินที่ได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ รวมถึงการยกเว้นไม่ต้องชดใช้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติกับเงินกู้ตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 โครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ และโครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย ธอส.-กบข. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1786 กลุ่มสื่อสารองค์กร สำนักงาน ก.พ.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ