เจเอฟอี สตีล ยืนยันปกป้องสิ่งแวดล้อมไทยเหมือนในญี่ปุ่น ชูเหล็กต้นน้ำ พัฒนาเศรษฐกิจ — สิ่งแวดล้อม — ชุมชน อย่างยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Wednesday July 1, 2009 13:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--บีโอไอ เจเอฟอี สตีล ยืนยัน หากได้เข้ามาลงทุนโรงเหล็กต้นน้ำในประเทศไทย จะดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของไทย และการอยู่ร่วมกับชุมชนคนไทย ในมาตรฐานเดียวกันกับ ที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมชูโครงการเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูง ช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายมาซากิ โอกาซะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เจ เอฟ อี สตีล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่นหนึ่งในบริษัทที่แสดงความต้องการจะเข้ามาลงทุนผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในประเทศไทย เปิดเผยว่า หากบริษัทเจ เอฟ อี สตีล ได้ดำเนินการจัดตั้งโรงเหล็กต้นน้ำในประเทศไทย บริษัทก็จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการควบคุมมิให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน เพราะบริษัท เจ เอฟ อี มีนโยบายที่จะบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนในประเทศไทย ด้วยมาตรฐานเดียวกันกับที่ดำเนินการในประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ให้เกิดความเจริญมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัท เจ เอฟ อี ได้ยื่นแผนการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนให้กับบีโอไอ ในปีที่ผ่านมา โดยได้นำแผนที่ใช้ในการดำเนินโครงการเหล็กในประเทศญี่ปุ่น มาเป็นแผนต้นแบบ หากได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย สำหรับโรงผลิตเหล็กต้นน้ำของ เจเอฟอี ในเมืองชิบะ ได้มีการวางแผนปกป้องสิ่งแวดล้อม ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อทำการวิเคราะห์ปริมาณก๊าซที่ปล่อย ในอากาศ และวิเคราะห์น้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงาน ให้อยู่ภายใต้ค่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งได้จัดทำเป็นตัวเลขทางสถิติ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าตรวจสอบได้ตลอดเวลา โดยในช่วงที่ผ่านมาตัวเลขทางสถิติของปริมาณก๊าซและน้ำมีค่าต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดอยู่มาก แสดงให้เห็นว่า โรงเหล็กต้นน้ำมีการดำเนินงานปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด “โรงเหล็กต้นน้ำของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองชิบะที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก ทำให้รัฐบาลเข้มงวดในเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างมาก จึงมั่นใจว่า หากเจ เอฟ อี ตั้งโรงเหล็กต้นน้ำในเมืองชิบะได้ ก็สามารถตั้งอยู่ในประเทศไทยได้เช่นกัน และเราตั้งใจว่าเราจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในชิบะอย่างไร เราก็จะทำแบบนั้นในเมืองไทยเหมือนกัน” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เจ เอฟ อี สตีล คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายมาซากิ โอกาซะ กล่าวต่อไปว่า หากเจ เอฟ อี สตีล ได้เข้ามาลงทุนในไทย ก็จะให้ความสำคัญกับชุมชนในพื้นที่ก่อสร้างโครงการเป็นพิเศษ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการมีความปลอดภัยและสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้จริง ซึ่งโรงเหล็กต้นน้ำในเมืองชิบะได้พัฒนาความเจริญในท้องถิ่นในหลายๆ ด้าน รวมถึงการจ้างแรงงานจากคนในชุมชน และการมอบโอกาสทางการศึกษาต่างๆ นอกจากนี้บริษัทเปิดโอกาสให้กับโรงเรียนต่างๆ จัดนักเรียนในระดับนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น มาทัศนศึกษาในโรงงาน รวมทั้งการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เยาวชนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย นายมาซากิ โอกาสะ กล่าวเพิ่มว่า การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่น ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล รัฐบาลท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน ในการทำสนธิสัญญาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความตระหนักและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทำให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่นหมดไป และในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นสามารถตั้งอยู่ร่วมกับชุมชนได้เป็นอย่างดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ