ผลการดำเนินงาน บจ.งวด 9 เดือน ปี 2552 มีกำไรรวมกว่าสามแสนล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 19, 2009 16:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ตลท. บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรงวด 9 เดือนแรกปี 2552 รวม 323,938 ล้านบาท และมียอดขาย 4,505,970 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 24 กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมี PTT SCC PTTEP SCB และ BBL เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 466 บริษัท จาก 500 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 25 กองทุน) มีกำไรสุทธิรวม 323,938 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17 โดยมีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 353 บริษัท และขาดทุนสุทธิ 113 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 76 ต่อ 24 สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวมในงวดไตรมาส 3 ปี 2552 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรสุทธิ 115,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24 “หากพิจารณาผลประกอบการโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รายไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ถึง ไตรมาส 3 พบมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 82,464 ล้านบาท ในไตรมาส 1 เป็น 124,199 ล้านบาท ในไตรมาส 2 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 และปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 115,107 ล้านบาท ในไตรมาส 3 หรือลดลงร้อยละ 7 โดยยอดขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยไตรมาส 2 มียอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ร้อยละ 12 และในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ร้อยละ 9 แสดงถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา” นางภัทรียากล่าว สำหรับบริษัทในกลุ่ม SET 100 ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 97,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในงวด 9 เดือนแรก ปี 2552 มีกำไรสุทธิรวม 287,557 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89 ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงร้อยละ 15 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยอดขายลดลงร้อยละ 24 ขณะที่ต้นทุนขายลดลงร้อยละ 27 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 20 สำหรับบริษัทที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในงวด 9 เดือนแรกของปี 2552 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Non-Compliance: NC) และบริษัทในกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group: NPG) จำนวน 448 บริษัท มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือน รวม 323,414 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 17 ส่วนผลประกอบการเฉพาะไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิรวม 114,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23 โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน เรียงตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้ 1. กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่ มีกำไรสุทธิ 129,191 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 40,038 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ75 2. กลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบด้วย หมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดประกันภัยและประกันชีวิต มีกำไรสุทธิ 76,083 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิ 28,391 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประกอบด้วยหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดวัสดุก่อสร้างและ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มีกำไรสุทธิ 46,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 17,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 4. กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วยหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีกำไรสุทธิ 30,146 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 10,354 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 5. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดธุรกิจการเกษตร มีกำไรสุทธิ 21,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 8,653 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 6. กลุ่มบริการ ประกอบด้วยหมวดพาณิชย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดการแพทย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดบริการเฉพาะกิจ และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ มีกำไรสุทธิ 17,091 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,596 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 65 7. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบด้วยหมวดของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หมวดแฟชั่น มีกำไรสุทธิ 3,642 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,344 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 8. กลุ่มวัตถุดิบสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบด้วย หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดบรรจุภัณฑ์ หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ และหมวดยานยนต์ มีขาดทุนสุทธิ 405 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38,159 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 5,147 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 25 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222 สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กนกวรรณ เข็มมาลัย โทร. 0-2229 — 2048 วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ