เปิดตัว นางฟ้าตกสวรรค์ “ไหม วิสา สารสาส” ผู้หญิงที่ โน้ส อุดม แต้พานิช เลือกมาเป็นเมีย และพิง ลำพระเพลิงยืนยันว่า เธอคือนางเอกที่ฟ้าประทาน

ข่าวทั่วไป Thursday July 13, 2006 17:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เดี่ยวไมโครโฟนมือ 1 แห่งยุคอย่างอุดม แต้พานิช เคยให้นิยามของสาวสวยหน้าใส วัย 22 ฤดูฝน ทายาทของตระกูลสารสาสคนนี้ที่กำลังเป็นที่จับตาในฐานะเมียสาวของหนุ่มโน้ส ซึ่งหลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะมีเครดิตเป็นถึงตัวแทนทูตทางความงามที่เป็นคนไทยคนแรกของผลิตภัณฑ์ชิเซโด้ได้อย่างน่าสนใจว่าเป็น “เด็กซิ่งอิงธรรมะ” ประมาณว่าคืนนี้อาจจะเห็นเธอเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆอย่างออกรส แต่พอวันรุ่งขึ้นอาจจะเธอนั่งวิปัสนากรรมฐานอยู่ในวัดไปซะนี่“ หรือความเป็น “ไฮโซติดดิน” ที่หลงรัก “น้ำปลาพริก” และ “น้ำแดงผสมเฮลล์บลูบอย”เป็นชีวิตจิตใจ ด้วยความที่เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย จึงไม่น่าแปลกใจที่ “น้องไหมวิสา สารสาส”จะกลายเป็นขวัญใจของใครหลายๆคนในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องโรแมนติคเรื่อง“โคตรรักเอ็งเลย”ซึ่งเป็นหนังใหญ่เรื่องแรกในชีวิตของเธอ ไม่เว้นแม้แต่คนตีเสลด ,เด็กเสิร์ฟน้ำ ช่างไฟ ทีมงานฯลฯไปจนถึงผู้กำกับที่มีชื่อว่าพิง ลำพระเพลิงซึ่งกล้าฟันธงว่า เธอคือนางเอกที่ฟ้าประทานมาให้ อย่ากระนั้นเลยเขยิบเข้ามาใกล้ ๆมาทำความรู้จักกับสาวน้อยหน้าใสที่มีอะไรในตัวมากกว่าความสวย รับรองว่าคุณจะอดไม่ได้ที่จะหลงรักเธอเหมือนกับใครอีกหลายคน และในวันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ไหม วิสา สารสาส ผ่านการพูดคุยถึงตัวตนของเธอผ่านผลงานการแสดงภาพยนตร์ชิ้นแรกและเป็นชิ้นที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ “โคตรรักเอ็งเลย” กัน
Q:รู้สึกอย่างไรที่คนมองเราว่าเป็นสาวไฮโซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้จักเราผ่านนามสกุล สารสาสก่อนที่จะได้สัมผัสกับตัวตนของเราด้วยซ้ำ
A:สิ่งที่หนูพยายามจะบอกกับพี่ๆ ทุกคนเสมอก็คือ“หนูไม่ใช่ Hi-Soนะ หนูเชื่อว่าหลายๆคนคงไม่ค่อยเห็นหนูในงานสังคม เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่หนูชอบทำ หนูไม่อยากให้ใครมองว่าหนูคือคุณหนูไฮโซ ยกตัวอย่าง เหมือนกระรอก มันคงไม่อยากให้ใคร มองว่ามันคือกระแต หนูก็เหมือนกัน จริงๆแล้วหนูก็คือ เด็กวัยรุ่นธรรมดาคนนึงเท่านั้นเอง ที่วันนี้ได้มีโอกาสมาทำงานอยู่ตรงนี้ ได้มาทำงานแสดงที่หนูรัก และหนูก็อยากทำให้มันเต็มที่ที่สุด ชีวิตประจำวันถ้าวันไหนหนูไม่ได้มาทำงาน หนูก็จะอยู่กับพ่อ-แม่ เล่นกับหมา เที่ยวเฮฮากับเพื่อนๆ”
Q:ถ้างั้นช่วยแนะนำความเป็น ไหม วิสา สารสาส ให้เรารู้จักกันหน่อยดีกว่า
A:ค่ะ ชื่อ วิสา สารสาส ค่ะ ชื่อเล่นว่าไหม อายุ 22 ปี ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสได้เข้ามาทำงานในวงการ ได้มาเล่นหนังกับบาแรมยูและ สหมงคลฟิล์ม ก่อนหน้านี้ตอนอายุประมาณ 11-12 ไหมก็ได้มีโอกาสไปเรียน high-school ที่ QUEENSWOODประเทศอังกฤษ แล้วก็กลับมาเรียนคณะศิลปศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อินเตอร์
Q:ส่วนตัวแล้วไหมเป็นคนอย่างไร
A:ส่วนตัวแล้วไหมจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตง่ายๆ กินง่าย อยู่ง่าย ใช้ชีวิตแบบสนุกสนาน ตามวัย แต่ไหมจะไม่ค่อยชอบอะไรที่เหมือนบังคับว่าต้องทำนะ หรืออยู่กับที่ อันนั้นจะไม่ค่อยชอบเหมือนอย่างไปฟิตเนสอะไรอย่างเนี่ยะ แต่จะชอบอย่างวิ่งเล่นตามชายหาด แชร์บอล เล่นน้ำ สกี คือแบบว่าอะไรที่มันท้าทายความสามารถของเราเองด้วย อะไรที่ไม่ได้อยู่กับที่แล้วเราก็ได้เหงื่อโดยที่เราไม่รู้ตัว
Q:ไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ทำอะไร
A:ไลฟ์สไตล์อื่นๆ ก็ส่วนตัวไหมจะชอบดูหนัง ฟังเพลง ฟังได้ทุกอย่างเลยตั้งแต่เพลงไทย ลาว เกาหลี พม่าได้หมด แต่ถ้าถามจริง ๆชอบเพลงแบบ R&B และชอบเหมือนเจนนิเฟอร์ โลเปซ อะไรประมาณนี้ เพลงแบบสนุก ๆ เพลงไทยก็ชอบความหมายดี ๆ แต่ถ้าเรื่องหนังจะเป็นคนชอบหนังแบบ หนังรักก็ชอบ แต่บางที ก็คิดว่ามันเลี่ยน หนังรักมันก็จะรู้ว่าจบยังงัย จะชอบมากๆก็คือหนังแบบที่เป็น drama เยอะๆ จะชอบแบบ true romance ที่เป็นสไตล์แบบเควนติน ทารันติโน่ผู้กำกับ kill bill อ่ะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กำกับ แค่เป็นคนเขียนบทเองก็ตามคือ มันจะมีความโหดเข้าไปด้วย คือมีแบบเอาไปสู้ๆๆ เค้าเคยพูดไว้ว่า แฟนหนังของเค้าถ้าได้ดูจะต้องบอกว่าหนังเค้าเนี่ย เป็นหนัง ทรูโรแมนซ์จริงๆ พอหนูดูหนูก็แบบ เออ เนี่ย คือความรักอันแท้จริง จริงๆอ่ะ แล้วก็ชอบหนังเกาหลี เออ ถ้าแบบหนังกุ๊กกิ๊กๆ เนี่ย จะชอบของเกาหลี แบบ My Sassy Girl เพราะรู้สึกว่ามันน่ารักดี เห็นแล้วก็รู้สึกอยากเล่นหนังแบบนี้บ้างเหมือนกัน
Q:เห็นหน้าหวาน ๆอย่างนี้จริง ๆ แล้วบุคลิกหวานเหมือนหน้าไหม
A:บุคลิกของไหมบางทีก็จะมีซนๆ แบบชอบอะไรลุยๆ ผาดโผนนิดๆ เป็นคนค่อนข้างไฮเปอร์ ไหมจะชอบทำโน่นทำนี่ ไม่อยู่เฉยๆ ไหมจะชอบงานศิลปะ โดยเฉพาะด้านการแสดงนี่จะชอบมาก และเมื่อโอกาสมาถึงไหมก็จะทำเต็มที่ อย่างผลงานที่ผ่านมาก็จะมี เล่นมิวสิควีดีโอของอาร์มแชร์ ถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบ เดินแบบบ้าง ประปราย ส่วนผลงานด้านการแสดงที่จริงจังก็กำลังจะมีให้ได้ดูกันนั่นก็คือ หนังเรื่อง “โคตรรักเอ็งเลย”นี่แหละค่ะ
Q:ถ้างั้นช่วยแนะนำคาแรคเตอร์ในหนังให้ฟังหน่อยว่ารับบทเป็นใครใน “โคตรรักเอ็งเลย”
A:รับบทเป็นแดงนางเอกของเรื่องซึ่งเป็นภรรยาของพี่โน้ส อุดมค่ะ แดงเป็นผู้หญิงอายุ 25ที่มีครอบครัวและมีลูกแล้ว มีร้านเบเกอร์รี่ของตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตกับลูกกับสามีกับครอบครัว คาแรคเตอร์ของแดงที่เราจะได้เห็นคือเป็นผู้หญิงที่ผ่านการใช้ชีวิตคู่มา 7 ปีเต็ม จนกระทั่งวันหนึ่งตื่นขึ้นมาพบว่าหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตหายไป เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆเราทุกคืนๆนอนก็นอนกรน บางทีมีตดด้วย เวลากินก็มูมมามชอบเรอ พุงพลุ้ย ไม่เป็นระเบียบ นี่หรือคือเนื้อคู่ของเรา เริ่มย้อนกลับไปคิดว่าชีวิตนี้จะมีไหมชายในฝัน เจ้าชายรูปหล่อขี่ม้าขาว และพอมีอะไรมากระทบกระทั่ง ก็ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นคงในชีวิต เริ่มไม่มั่นใจ เหมือนกับรู้สึกว่าว่ากำลังเสียจุดยืนในชีวิต จนกระทั่งได้เจอกับหมอหนุ่มคนหนึ่งชื่อรักษา ซึ่งเล่นโดยพี่กอฟ (อัครา อมาตยกุล)จากที่ไหมทำการบ้านเกี่ยวกับตัวแดงมาก็คือแดงเป็นตัวละครที่ได้พบเจอกับความรู้สึกสูญเสียอะไรหลายๆอย่างในชีวิต เริ่มคิดว่าสามีเปลี่ยนไป รู้สึกไม่ค่อยมีความมั่นคงในชีวิต ไม่ค่อยแน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรวมไปถึงเกิดอาการเหมือนลังเลในการตัดสินใจที่จะเผชิญกับชีวิตเหมือนหาทางออกกับชีวิตไม่ได้ เป็นบทที่ค่อนข้างมีความหลากหลายและซับซ้อนทางแง่มุมของอารมณ์และความรู้สึกพอสมควร
Q:โคตรรักเอ็งเลย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
A:หนังโคตรรักเอ็งเลย เป็นหนังที่พูดถึงเรื่องราวความรักที่คนเราอาจมองข้ามไปหรือหลงลืมไป อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่คุณไม่ได้บอกอะไรบางอย่างกับคนที่คุณรัก เพราะคนเราจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีโอกาสครั้งที่ 2 ในชีวิตจะกลับมาหาคุณรึเปล่า โอกาสที่จะกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาด สิ่งที่คุณหลงลืมไปในอดีต เพราะฉะนั้นจงรีบทำอะไรซะในวันที่ยังมีโอกาส สำหรับไหม ไหมคิดว่าหนังเรื่องนี้ต้องการส่งข้อความให้คนดู สื่อว่าบางทีเรามีคนรัก แล้วเราลืม แบบว่ามองข้ามหรือ มองเค้าเป็นของตาย ไม่เอาใจใส่ และเมื่อคนเราเมื่อมีโอกาสครั้งที่ 2 ในชีวิต จงรีบทำไปเลย แต่ใครจะไปรู้ บางทีโอกาสอันนั้นมันอาจจะไม่มีแล้ว คือชีวิตจริงมันอาจไม่ได้สมหวังเหมือนหนัง ในชีวิตจริงเนี่ยะ มันจะมีโอกาสอีกครั้งหนึ่งในชีวิตอีกรึเปล่า เพราะฉะนั้นจงรีบทำอะไรซะที่เราอยากพูดอยากทำในตอนที่เรายังมีโอกาส หนังเรื่องนี้จะเกี่ยวกับการสื่อสารโดยตรงเป็นเรื่องราวระหว่างคู่รัก
Q: กับบทบาทการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต เป็นไงยากไหม ระหว่างตัวละครกับตัวตนของเรามันแตกต่างมากน้อยแค่ไหนอย่างไรไหม
A: ยากมากกกก.................กกกก.........กกกก สำหรับบทบาทแรกในชีวิตค เพราะด้วยความที่ประสบการณ์ยังน้อย และบทนี้เป็นDrama ค่อนข้างเครียด ใช้อารมณ์ค่อนข้างเยอะ ถือว่ายากมากค่ะโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นแดงกับความเป็นไหมในชีวิตจริงก็จะมีทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกัน
เอาส่วนที่เหมือนก่อน คืออย่างแรก เราทั้งคู่ต่างเป็นผู้หญิงเหมือนกัน มีความรู้สึกอ่อนไหว ต่อความรักเหมือนกัน ถ้าคนรักมาทำอะไรกระจุ๊ก กระจิ๊กหน่อย ผู้หญิงก็มีอารมณ์อ่อนไหวเหมือนกัน แดงกับไหมคงมีความคิดความรู้สึกในส่วนตรงนี้ที่เหมือนกันน่ะค่ะ อย่างในเรื่องตัวรงค์(พี่โน้ส)กับตัวแดง(ไหม)ทั้งคู่เขาใช้ชีวิตคู่แบบคบกันมานานแล้วเค้าแบบมองว่าเราเป็นของตายเหมือนอยู่กันไปนานๆ แล้วพอมีอะไรมาสะกิดก็จะคิดเยอะ ค่อนข้างอ่อนไหวทางความรู้สึก ในส่วนทางด้านความแตกต่างก็คือ แดงเค้าไปอีก step หนึ่งแล้วในด้านความรักคือมันเป็น step ที่แบบว่าคู่รักที่ชีวิตอยู่ร่วมกัน มีลูกด้วยกันแล้ว อยู่บ้านเห็นชีวิตประจำวันของกันและกัน ซึ่งตัวแดงเขาอยู่ในจุดที่มีความรับผิดชอบมากกว่า มีร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง มีลูกที่ต้องดูแล มีสามีที่กลับบ้านมา เราก็ต้องมาทำความสะอาดบ้าน มีความรับผิดชอบเยอะกว่าไหม แดงเค้าเป็นผู้ใหญ่กว่า ในขณะที่ไหมนี่จะเป็นแบบ เป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีความทุกข์กับความรัก มีความสุขกับความรัก แล้วแต่เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา ทั้งอุปนิสัย บุคลิกหลายๆอย่างก็ต่างกันค่ะ ไหมรู้สึกว่า แดงน่าจะเป็นผู้หญิงแบบ.......เค้าคงเครียดกับชีวิตมากว่า (ทำสีหน้าครุ่นคิด เหมือนเครียดไปกับแดงด้วย) เค้าคงมีอะไรในใจเยอะ จริงๆแล้วเค้าก็เป็นคนดีนะคะ เพียงทว่าอาจมีเหตุการณ์ต่างๆ นานา ที่ผ่านเข้ามาให้แดงต้องรับมือ ในแต่ละจุดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางทีมันไม่อาจฟันธงไปได้ว่าตัวละครนี้ทำถูกหรือทำผิด ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลที่เชื่อมโยงถึงกัน ถ้าเราไปยืนในจุดที่เค้ายืนอยู่อ่ะ แล้วเราจะทำอย่างไร จะทำเหมือนแดวไหม ทุกอย่างที่เค้าทำ มันมีเหตุผลหมดเลย ต้องไปดูในหนัง เพราะฉะนั้นเวลาที่แสดง ไหมค่อนข้างจะใส่ฟิลลิ่งเข้าไปในตัวละครด้วย
Q:เห็นบอกว่าแสดง ๆไปก็จะอิน จะมีการคิด การแสดงออกมาแล้วไปปรึกษาผู้กำกับด้วย
A: ใช่ค่ะ ก็จะแบบว่า อ่านบทแล้วก็จะคิดว่าตัวละครจะคิดอย่างไร หนูก็เอามาคิดว่ามันควรเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ควรเป็น จะเป็นแบบนี้ไหมก็จะคุยกับพี่พิงผู้กำกับตลอด คือพอรับบทแล้ว ก็มาศึกษาตัวผู้กำกับ ศึกษาคนรอบข้าง คนที่ทำงานอยู่ในหนังเรื่องนี้ว่า ถ้าแดงเค้าเป็นแบบนี้เค้าควรแต่งตัวเป็นแบบนั้นรึเปล่า หรือ แดงเค้าไม่ควรแต่งตัวแบบนี้หรอก แดงคงไม่แต่งตัวเปรี้ยวขนาดนี้เพราะจริงๆแดงเค้าก็ค่อนข้างเรียบร้อย ตอนแรกพี่พิงจะให้เปลี่ยนจากตัวไหมไปเยอะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เค้าคงอยากให้แดงสวยขึ้นมา (หัวเราะ)
Q:นอกจากนี้ยังมีการใส่ความสามารถต่างๆของตัวไหมเอง ลงไปในตัวละครแดงด้วย นัยว่าเพื่อให้ตัวละครแดงดูจริง และสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
A:ค่ะ ใช่ค่ะก็มีได้เล่นเปียโน ขี่ม้า แล้วก็มี แอบแจมๆเต้น Hip hop นิดหน่อยค่ะ คือบังเอิญว่า โลเกชั่นที่ไปถ่ายคือ บ้านพี่พิงเนี่ยเค้ามีเปียโนตั้งไว้อยู่แล้ว วันนั้นไหมบังเอิญไปเห็นด้วย แล้วก็ความซนของหนู
ไง เลยไปเล่นของพี่เค้า พอพี่พิงเค้าเห็นว่าเฮ้ย!นี่ไหมเล่นเปียโนได้ด้วยนี่หว่า เค้าเลยจัดแจงเพิ่มบทเข้าไปใหม่แบบสดๆ ตรงนั้นเลย แต่ไหมก็บอกเค้าว่าไหมเล่นได้แต่งูๆปลาๆเองพี่ แล้วก็ไม่ค่อยได้เล่นมานานแล้ว พี่พิงก็เลยโทรเรียกครูสอนเปียโนจากกรุงเทพไประยองเลย สอนไหมตรงนั้นเลย ไหมก็ฝึกเพิ่ม แล้วก็ได้จับเอามาเล่นในหนังอย่างที่ได้เห็นกันนั่นแหละค่ะ และมหัศจรรย์มากพาร์ทเปียโนกลายเป็นส่วนที่เติมเต็มให้กับหนังกับตัวละครได้อย่างมากเลยและลงตัวด้วย ส่วนขี่ม้านี่หนูเรียนมา 9 ปีแล้ว แล้วก็เลิกไปประมาณ 3 ปีไม่ได้ขี่มา 3 ปีแล้ว ก็คือสมัยก่อนขี่ม้าแข่งมาตลอดมันก็พอได้อยู่ บังเอิญอีกแหละค่ะ พี่พิงเพิ่งทราบทีหลังว่าไหมขี่ม้าได้ เค้าก็เลยเพิ่มบทเข้าไปอีก เค้าบอกว่าหนังมันจะได้มีเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้น
Q:เล่าให้ฟังหน่อยว่าไหมเข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้ได้อย่างไร
A: เจอพี่โน้สที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ไหมก็เข้าไปทักว่าเป็นน้องชายพี่ณัฐ ซึ่งพี่ณัฐเองกับเพื่อนๆเขารู้จักกับพี่โน้สอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็มาเจอพี่โน้สอีกทีที่วัดแห่งหนึ่ง พี่เขาก็ขอเบอร์ไปให้พี่พิงซึ่งกำลังจะทำหนังรักโรแมนติคอยู่เรื่องหนึ่ง แต่ยังหานางเอกไม่ได้ แล้วมีอยู่วันหนึ่ง พี่ พิง ลำพระเพลิง โทรมาบอกว่าอยากเจอ มีหนังเรื่องนึงอยากให้มาเล่น เราก็ขออ่านบทก่อน แล้วก็เข้าไปคุยกับพี่เค้าอีกครั้ง เค้าก็อยากให้เล่น ก็เข้าไปบาแรมยู เข้าไปเจอพี่โน้ส เจอผู้กำกับ ผู้ช่วยผู้กำกับ และก็ทางทีมงาน มาคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าบทนี้น่าสนใจดี เราก็เอาบทมาศึกษาแบบจริงจังขึ้น ก็คุยกับพี่โน้สว่าเล่นดีมั๊ย ไหมเองก็คิดว่าไหมน่าจะเล่นได้เลยตัดสินใจรับ หลังจากนั้นก็เข้าไป workshop แล้วก็ได้มาเล่นเนี่ยค่ะ
Q: พูดถึงผู้กำกับหน่อยส่วนตัว รู้จักพิง ลำพระเพลิงมาก่อนหน้านี้ไหม
A:อ๋อ.คือหนูอ่ะรู้ว่า พี่พิง ลำพระเพลิง เนี่ยเค้าเป็นดารา แต่หนูก็เรียนเมืองนอกมา หนูก็ไม่รู้หรอกว่าคือใคร ทำอะไรมาบ้าง แต่ว่าชื่อนี้มันคุ้นๆน่ะ ก็ไปนัดเจอกันที่ร้านแถวๆพัฒนาการ ก็เห็นพี่เค้าอยู่ข้างในละ ก็อืม พี่คนนี้แหละ พอหนูเข้าไปเค้าก็มอง เค้าคุยแล้วเค้าก็จ้อง มองหนูแบบมองขึ้นมองลง มองขึ้นมองลง แล้วก็มาถามแบบ ถามโน่น ถามนี้ ถามโน่น ถามนี่ แต่หนูก็แบบเป็นตัวของเรา เป็นตัวของตัวเอง เราก็ไม่ได้ไปfake อะไร เราก็คิดว่านี่เหรอ พี่พิง ลำพระเพลิง เค้าตลกเหรอ ไม่เห็นจะตลกเหมือนที่ใครๆบอกเลย พอหนูเจอหนูยังไม่รู้สึกว่าเค้าตลกเลย เจอกันวันแรกเค้ายังไม่ปล่อยมุข แต่หลังจากที่ๆได้คุยกับผู้กำกับแล้ว จากนั้นกลับมาอ่านบทแล้วรู้สึกว่าบทดีมาก เฮ้ย!! อยากเล่น แต่ก็กลัวเหมือนกันว่า
คนจะคิดว่าเราแรงไปรึเปล่า แต่พอคิดอีกทีก็ถือว่าท้าทาย แล้วก็ได้เล่นกับนักแสดงที่มีความสามารถหลายๆคน ซึ่งพี่ๆเค้าช่วยสอน ช่วยบอกเทคนิคในการเล่นอะไรอย่างเนี๊ยะค่ะ คือชอบที่บทดี แล้วมันก็มีบางอย่างที่สะท้อนสังคมในตอนนี้ด้วย
Q: ย้อนกลับไปนึดนึงทราบมาว่าพี่โน้สเป็นคนแรกที่ปิ๊งเรา และเลือกเรามาเล่น โดยแนะนำไปยังพี่พิงนาทีแรกที่พี่โน้สชวนว่า “ไหม มาเล่นหนังกันเถอะ”ไหมรู้สึกยังไงบ้าง
A: ก็รู้สึกดีใจค่ะที่เค้าเลือกเรา เพราะถ้าเค้าไม่เลือก ไหมก็คงไม่มีโอกาสที่จะเล่นเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ไหมเคยรู้จักกับพี่โน้สก่อนอยู่แล้ว ส่วนนึงอาจเป็นเพราะพี่โน้สเคยทราบว่า ไหมชอบงานด้านการแสดง และคาเรคเตอร์นางเอกเรื่องนี้ไหมน่าจะพอเล่นได้เค้าเลยลองชวนดู อย่างที่เค้าให้สัมภาษณ์คือ นางเอกคนนี้มันจะสวยแบบไม่ได้สวยจัด คืออย่างพี่ๆทีมงานที่กองถ่ายเนี่ยเค้าจะเรียกว่าหนูสวยแปลก พี่พิงก็จะบอกว่าเนี่ย เราน่ะเป็นคนสวยแปลกมาก พี่โน้สก็จะบอกว่าเดี่ยวก็สวยเดี๋ยวก็ไม่สวย
Q: พอรู้ตัวว่าต้องเล่นหนัง ต้องเป็นนางเอกก่อนเปิดกล้องมีการเตรียมตัวและต้องทำการบ้านกับบทหรือตัวละครอย่างไรบ้าง
A:ก็พี่ๆเขาให้ไป workshop ทางด้านการแสดงก็จะมีเรียนกับครูเงาะ เค้าจะให้เราทำคือค่อยๆดึงฟีลลิ่งจากตัวละคร ค่อยๆดึง ค่อยๆพาไหมไปเจอแดง ที่เป็นตัวนางเอกเรื่องนี้ ให้เปลี่ยนเราไปเป็นตัวละครตัวนั้นให้เราค่อยๆเข้าใจ ว่าตัวละครตัวนั้นเค้าจะทำยังไง จะพูดจายังไง ครูเงาะจะให้เราทำการบ้านว่าเราเป็นแดงนะ ให้แดงเขียนไดอารี่ บอกเรื่องราวตัวเอง ในขณะที่เป็นแดง อย่างเช่น ฉันอายุเท่านี้นะ ชื่อแดง ฉันแต่งงานแล้วกับรงค์ มีลูกแล้ว อย่างนั้นอย่างนี้ ไปเรื่อยๆตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของการworkshop ซึ่งกลายเป็นว่าแบบความรู้สึกเหมือนแดงเข้ามาอยู่ในตัวเราโดยที่เราไม่รู้ตัว จับตรงไหนมันก็คือแดงไปหมดแล้วอ่ะ เนี่ย!พอจับไปตรงไหนก็เป็นแดงไปหมด จริงๆนะ ไหมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
ซึ่งก่อนที่จะเปิดกล้อง ตัวไหมเองจะทำการบ้านกับแดงค่อนข้างเยอะมากค่ะ จะดูว่าคาเรคเตอร์แดงเป็นยังไง ถ้าแดงเป็นคนอย่างนี้ ควรมีบุคลิกยังไง เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆ อาการที่เค้าเปลี่ยนไปควรเปลี่ยนไปอย่างไร การแต่งหน้า ทรงผม การแต่งตัวน่าจะเป็นแบบไหน เพราะคงไม่ใช่ว่าคนอย่างแดงจะต้องมาใส่เกาะอกนะ นั่นคือคงไม่ใช่แดงแน่ๆ ไหมจะคุยก็จะปรึกษากับพี่นุ่มที่เป็นคนทำคอสตูมว่า “พี่ หนูว่าตัวแดงคงจะไม่ใส่เกาะอก หรือเส้นเดี่ยวหรอกนะ หนูว่าแดงคงไม่แต่งแบบนี้”คือตัวคาแรคเตอร์ของแดง เมื่อเจอกับตัวรักษา(กอล์ฟ อัครา) ชายหนุ่มที่มาปิ๊งแดง ก็ส่งผลให้ตัวแดงหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น มีแต่งตัวมากขึ้นอาจจะแค่ทำให้ตัวรักษารู้สึกดูแล้ว เจริญตา เจริญใจ คือมันน่าจะทำให้ผู้ชายคนนึง มาตกหลุมรักได้ ไม่ใช่ว่าโทรมออกมาจากร้านเบเกอรี่ แล้วผู้ชายที่ไหนจะมาตกหลุมรัก ใช่ไหมค่ะ เพราะฉะนั้นตัวแดงต้องแบบทำให้ตัวเองขนตาเด้งนิดนึง แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องพรีเซ้นท์ตัวเองเต็มที่ เพราะแดงเค้าเรียบร้อยจะตายไป
Q: หมายถึงการที่จะเล่นเป็นแดง ไหมเองก็ต้องวิเคราะห์ถึงลักษณะของตัวแดงหรือบทที่เราต้องถ่ายทอดออกมาด้วยเหมือนกัน
A:สำหรับแดงนี่ไหมจะต้องอ่านตัวเค้า คือบางทีมันจะแบบ มีฟีลลิ่งตรงบทกว่านั้นอีกง่ะ เราก็แบบ บางทีทำความเข้าใจไม่ใช่ แค่บทตัวเอง ต้องดูด้วยว่าสิ่งที่ตัวอีกคนที่เค้าเล่นกับเรา เค้าเล่นมาแล้วมันยังไงด้วยอย่างพี่โน้สเล่นมาอย่างเนี๊ย เราก็ต้องเอามาคิดละ สมมุติว่าเป็นชีวิตจริงคือแบบ คนทั่วไปอาจจะคิดว่า หนังหรือละครต้องตอบโต้ตามบทไปมา แต่สำหรับไหม ไหมคิดว่า มันต้องตีคำพูดอีกคนที่พูดมาด้วยอ่ะ พอเค้าพูดมาอย่างนี้หน้าเรามันจะเป็นอีกสีหน้านึง มันจะต้องเล่นกันอย่างนั้นนะ ทำความเข้าใจก็คือแบบ พยายามดูผู้หญิงที่แบบ เนี่ย วัยประมาณ 25 เบญจเพศด้วยอ่ะ แบบเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะ มีลูกแล้วทำงานแล้ว เราต้องคิดว่าหากเรามีความรับผิดชอบเยอะๆอย่างแดงเนี่ย เราคงเครียดขึ้นเยอะอ่ะไหมก็เลยปรึกษากับพี่เงาะค่ะว่า “พี่เงาะไหมไม่เคยมีลูก ไหมไม่เคยมีความรู้สึกตรงนี้ ไหมจะเล่นยังไงให้มันออกมาได้” ไหมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ครูเงาะก็บอกว่า คือมันไม่ใช่แค่แบบว่าเนี่ย (ทำท่าเหมือนมีท้องโตๆ) อย่างเนี๊ยเท่านั้น มันไม่ใช่แค่เกี่ยวกับมีลูกอย่างนี้(ทำท่าอุ้มเด็ก) มันเป็นความผูกพันด้านอื่น อย่างเนี๊ย การที่ไหมบิวท์ว่ามีลูกได้ ก็คือว่า ต้องใช้วิธีคิดว่ามีอีกชีวิตนึง เค้าอยู่กับเรามา 9 เดือน แล้วอยู่ในตัวของเรา เราสร้างเค้ามา กินเราก็ต้องกินเผื่อเค้า อาบน้ำเราก็ต้องนึกถึงเค้า ก็จะรู้สึก เออนะ.. ถ้าใครสักคนนึงออกมา เราต้องผูกพันต้องรักเป็นพิเศษอยู่แล้วอ่ะ
Q: แต่ได้ข่าวว่าวันแรกก็ไฟแรงมากใช้ฟิล์มหมดไปซะ20 ม้วนเลย
A: (ปล่อยฮา.....5555) อันนั้นเป็นข่าวลือนะคะ (ขำ ตัวเอง) จริงๆแล้วก็จริงๆค่ะ ฉากแรกเป็นฉากที่ไหมจะต้องบอกกับพยาบาลว่า “ไปคลีนิคมาแล้วค่ะ แต่ไม่ชอบหมอค่ะ” พูดแค่เนี๊ย เล่นไปกี่ม้วนไม่รู้เหมือนกันน่ะ แหม..ม..ม เค้าก็โม้ๆกันน่ะค่ะ พวกพี่พิง พี่โน้ส น่ะ แต่เรื่องของเรื่องก็คือ แดงต้องไปหาพยาบาล แล้วเค้าก็จะถามไหมว่า เคยไปหาหมอที่โรงพยาบาล หรือคลีนิคมามั๊ย แล้วเราก็จะต้องตอบว่า ไปโรงพยาบาลมาแล้วค่ะ แต่ไม่ชอบหมอค่ะ เทคแรก คือหนูก็แบบ (ยักไหล่+ทำหน้าเป็น) คือแบบมูฟไปทั้งตัวอยู่นั่นแหละ พี่พิงก็แบบ เอาใหม่ ๆคือ เล่นจนแบบ ไม่มีแรงแล้ว “ไปโรงพยาบาลมาแล้วค่ะ แต่ไม่ชอบหมอค่ะ” (เสียงอ่อยๆท่าทางจะหมดแรงจริงๆ) พี่พิงก็บอกเออได้ โอเคเลย แบบนี้แหละ คือ เกร็งมากอ่ะ (เน้นเสียง) แล้วทีมงานน่ะ มองมาที่ไหมคนเดียวอ่ะ แล้วไหมก็แบบ คิดในใจอ่ะ ว่า เค้าคงคิดเนอะว่าคิดผิดรึเปล่าที่เอาไหมมา
Q: แล้วไหมรู้สึกหนักใจมั๊ยว่า เล่นหนักเรื่องแรกก็มาเจอผู้ชายที่ไม่ธรรมดาถึงสองคน ตอนแรกกับพี่โน้สน่ะรู้อยู่แล้วว่าพี่โน้สเค้าจะเป็นอย่างนี้ แต่กับพี่พิงเนี่ยไม่คิดว่าจะผิดปกติ(หัวเราะ) คือตอนแรกก็คิดว่าพี่เค้าก็ปกติดีแต่ที่ไหนได้ คือเจอพี่พิงตอนแรกๆเค้าก็เรียบร้อยดีจนไปที่กองที่บ้านก็ค่อยๆเผยธาตุแท้ออกมา
Q: เล่นหนังครั้งแรกแล้วต้องมาเล่นกับพี่โน้สเลยเนี่ย ไหมรู้สึกอย่างไรบ้าง
A: คือแบบ จริงๆแล้วด้วยความที่ไหมรู้จักกับพี่โน้สมาก่อน ไหมก็เลยไม่ได้มองพี่เค้าเป็นซุปเปอร์สตาร์ หรืออะไร เพราะว่าเค้าเป็นคนที่ดูกันเอง เขาเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้ว เขาไม่เคยทำตัวเองแบบว่า พี่น่ะซุปเปอร์สตาร์นะน้อง (ทำเสียงดูแมนๆ เลียนแบบพี่โน้ส) ได้มาเล่นกับพี่เนี่ยน้องโชคดีนะ พี่โน้สไม่เคยเป็นอย่างนั้นค่ะ เค้าจะวางตัวสบายๆ ในความรู้สึกไหม ไหมก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้นกับพี่โน้สน่ะค่ะ แต่พอเริ่มเปิดกอง คนที่กองเค้าก็จะพูดแบบพี่โน้สนี่ super star เราก็เออ...มีตื่นเต้นบ้าง แล้วพอพี่กอล์ฟมาอีกก็ โห.. ก็จะเริ่มแบบเกร็งๆ แล้วแถมยังมีทีมงานหลายคนที่แบบว่าเป็นมืออาชีพกันแล้ว อย่างพี่อิม อย่างเนี๊ย เราก็เลยรู้สึกว่าเออ เรานี่หน้าใหม่อยู่คนเดียวเลยอ่ะ เพราะฉะนั้นการบ้านต้องปึ๊กมากๆ เราต้องขยันกว่าเค้า ทุกๆคน หลายๆเท่า
Q: ในตอนถ่ายหนังพี่พิงกับพี่โน้ส เค้าได้ช่วยเราหรือให้คำแนะนำอะไรบ้างไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีนที่ต้องแสดงอารมณ์
A:เอ่อ...........พี่พิงช่วยได้มากค่ะ พี่โน้สก็ช่วยนะคะ(กลัวพี่โน้สน้อยใจ) พี่พิงช่วยได้มากเพราะมันเป็นเรื่องจริงของเค้า แบบ เค้าเดินมาหาแล้วแบบร้องไห้เลย เค้าจะช่วยได้ดีมาก คือพอฉากอารมณ์ปุ๊บเนี่ย คือเราอยู่ข้างล่างเปลี่ยนชุดอยู่ แต่พอขึ้นมาจะถ่าย พี่พิงเขาจะเปิดเพลงเพื่อให้ตัวละครอยู่ในความรู้สึก แล้วตัวพี่พิงซึ่งเป็นผู้กำกับเวลาเขาบรีฟ เขาก็จะรู้สึกเลย น้ำตาไหล เขาจะร้องไห้เดินมาเลย พี่โน้สกับไหมก็จะแบบ อะไรวะ...........แล้วตรงนั้นคือมันไม่ขำแล้ว คือซีนที่เล่นจริงๆ แบบพี่พิงจะเคลียร์คนออก ไหมก็จะโอเครู้สึกเป็นส่วนตัว คือตอนหลังไหมรู้ว่าการประคองอารมณ์มันยาก พี่พิงว่ก็จะคอยบอกทีมกล้องว่าเวลายกของ ช่วยเบาๆนิดนึง อย่างบางทีเราประคองอารมณ์อยู่ แล้วมันเสียงดังเนี่ยอารมณ์มันจะหลุดเลย แล้วมันไม่ได้เรียกกลับมาง่ายๆ อ่ะค่ะ เพราะหากเราจดจ่ออยู่กับเรื่องๆนึงเนี่ย ถ้าสมาธิหลุดมันก็กลับมายากไง แล้วมันจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์แบบไปเลย แล้วตรงนี้เพลงก็เศร้า และพี่พิงก็ร้องไห้อีก
คนๆนึงเ ค้าอยากถ่ายทอดชีวิตเค้าให้ออกมาเป็นหนังนะค่ะ แล้วเราเป็นตัวสื่อที่จะถ่ายทอดออกมา ก็เลยแบบ ค่อนข้างเต็มที่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าจะยากสำหรับไหม แต่หลังๆก็ดีขึ้น ไหมก็ปรับตัวได้มากขึ้น ทีมงานก็ยกของเบาลง(นิดหน่อย)พี่โน้สกับพี่พิงเค้าต่อบทกันอย่างเนี๊ยะบางทีเค้าจะชอบพูดแบบ พูดอะไรที่มันไม่ได้อยู่ในบทอ่ะ พูดอะไรที่คนจะเลิกกันมันต้องมีประโยคอย่างนี้นะ แต่บางทีพี่พิงเค้าไม่ได้เขียนมาในบทเช่น ในบทพี่โน้สก็ขอให้เราอยู่กับเขา ก็จะบอกกับแดงว่า ‘เค้าอยากเล่นเปียโนอ่ะตัวเอง’ (เสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ไปด้วย) อันนี้ไม่ได้อยู่ในบท คือเราได้ยินแล้วเราแบบขนลุกเลยอ่ะ แล้วเสียงเค้านี่แบบ...........โหย...ซีนนั้นจริงๆไหมก็ร้องสุดๆอ่ะ คือเป็นอะไรที่แบบว่าคนมันจะเลิกกันน่ะมันก็น่าจะมีประโยคอย่างงี้นะ ประโยคที่จี๊ดโดนใจ
Q: ฉากอารมณ์อย่างที่ไหมบอก ที่ตัวแดงต้องเผชิญ หรือฉากที่ไหมต้องเล่นกับพี่โน้ส มีวิธีการดึงอารมณ์ออกมาอย่างไรบ้าง
A: ก็จริงๆแล้ว คือหนังเรื่องนี้มันจะมีเพลงประกอบหนังอยู่ชื่อว่าเพลงเขียนถึงคนบนฟ้า ซึ่งเพลงนี้มันแบบ คือ มันตรงกับความเป็นจริง และตรงกับเรื่อง ตรงกับความรู้สึกของตัวละครในหนัง แล้วหนูจะชอบท่อนนึงมากเลย ‘เพิ่งรู้ว่าเหนื่อยเพียงไหน’ ลองนึกภาพดูว่าเวลาเราอยู่กับคนๆนึงมา 9 ปีอยู่ดีๆมันขาดคนนั้นไป แล้วเพิ่งรู้สึกได้กับความเหนื่อยตรงนั้น เราอยู่กับเค้ามาแล้วหนูต้องบอกเลิกพี่โน้สอ่ะ ดูดิ หนูขนลุกเลยนะเนี่ย คือแบบ มันเป็นความรู้สึกของผู้หญิงคนนึง ที่แบบ จะไปหรือจะอยู่ ใจนึงก็อยากไปเพราะทนไม่ไหวแล้ว แต่ใจนึงมันก็แบบผูกพัน ตลอดมาเราเคยอยู่กับคนเนี๊ย เอาความรู้สึกตรงนั้นไปเลย ใส่ความรู้สึกตรงนั้นไป เราเป็นแดงที่อยู่กับรงค์ มองเค้า มองบ้าน ทุกๆอย่าง นึกถึงลูก นึกถึงว่าฉันจะเลือกไปจากคนนี้แล้วนะ ลูกที่มีกับเค้า ตัวสามีบางทีก็ดูมีอะไรไม่ดีๆ แต่เค้าเป็นคนที่รักเรามาตั้งนาน แต่ตอนนี้เราจะไปแล้ว มันต้องเศร้าอยู่แล้ว แล้วถ้าเราไปเราจะได้เจอสิ่งที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ อย่างที่บอกที่ไหมมองนี่คือ แดงในมุมที่กว้างขึ้น มองจากตัวตนของแดง หรือแม้แต่รักษาที่เพิ่งจะมาจีบต้องดีใส่แดงอยู่แล้ว แต่อะไรเกิดต่อไปคือยังไม่รู้ คือไหมจะถอยออกมาแล้วมองย้อนเข้าไปหาแดงในอีกมุมหนึ่งด้วย คือไม่ใช่แค่เล่นบทบาทแดง แต่ไหมจะตีกว้างขึ้นอีก
Q: ยากมั๊ยสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ที่จะต้องทำอะไรแบบนี้
A: เล่นฉากอารมณ์ยากมาก คือหนูก็มือใหม่อ่ะค่ะ ไม่ได้มาเคยเล่นแบบนี้แล้วอยู่ดีๆต้องมาเล่นบทอารมณ์วันละ 3 ซีน มันก็ยากอยู่แล้ว และก็ปรับตัวยากด้วย เราไม่เคยทำงานในกองถ่ายมาก่อน ไม่เคยรู้ว่าการจะทำอารมณ์เนี่ย เค้าย้ายไฟกันเสียงดังมาก แต่เราต้องประคองอารมณ์ตรงนั้น เป็นชั่วโมงนะ เรา
ต้องทำยังไง อย่างเวลาเปลี่ยนกล้องปุ๊บอ่ะ หนูต้องคอยประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว จะมีเสียงดังแทรกมาตลอด‘เอ้าเฮ้ยย้ายกล้องหน่อย เฮ้ย มึงย้ายกล้อง ขยับไฟหน่อย เฮ้ย’ (เลียนแบบเสียงพี่พิง ผู้กำกับ) แล้วเราแบบ ทำอารมณ์อยู่ ‘ เร็วสิวะ เฮ้ย เดี๋ยวไม่ทัน ไม่เสร็จไม่ได้กินข้าวนะ’ ฮา.................... แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆค่ะ ได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย
Q: แล้วเวลาเจอสถานการณ์บางอย่างที่กดดันมากๆและต้องถ่ายทอดซีนอารมณ์ออกมาให้ได้ ณ ตรงนั้นด้วย เรามีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง
A: คือ ต้องไม่คิด ไปคิดตรงหน้ากอง คือ บางทีไหมเคยนะ พรุ่งนี้ซีนอารมณ์เยอะมาก ก็จะเครียดละ จะเอาช่วงไหนของชีวิตตัวเองไปบิวท์ เพราะว่าชีวิตตัวเองก็ไม่ได้มีเรื่องเศร้าอะไร เพราะบางทีก็ไม่ได้มีหน้าพี่โน้ส หรือหน้าพี่กอล์ฟมาส่งบทให้เรา เราก็ต้องเอาทุกอย่าง ชีวิตแดง ชีวิตเรา ปนกันไปหมดอ่ะ แล้วบางทีมันเหมือนไหมใช้อารมณ์ฟุ่มเฟือยอ่ะ จนบางทีมันเล่นไม่ออก ไม่ออกแล้วจริงๆอ่ะ สำหรับไหม เพลงประกอบช่วยได้เยอะมากค่ะ เพลงนี้พี่พิงจะเปิดในกองตลอดเลย เพลง เขียนถึงคนบนฟ้า เค้าจะเปิดเหมือนคอยบิวท์ให้แบบว่า มันหม่นหมอง ประคองอารมณ์ กันเข้าไว้ แต่พอแบบเราไปกดดันเนี่ย มันจะทำไม่ได้ หรืออีกแบบนึง คือ มั่นใจว่าต้องฉากนี้ร้องได้ ก็จะกลายเป็นร้องไม่ได้ สมมุติว่าวันนี้เค้าชมเราว่า หูวว์...............วันนี้เล่นดีมากเลยนะสายไหม ผู้กำกับชม เธอเล่นดีมากเลยวันนี้ อีกวันนึงมันจะตื่นมาด้วยความมั่นใจ โหวันนี้ฉากอารมณ์ โอ้ย........สบาย พอเรามีความมั่นใจแล้วเราเล่น มันเล่นไม่ได้จริงๆนะพี่ แล้วพี่พิงก็จะแบบ เอ็งนะมั่นใจ เอ็งนะเล่นไม่ได้ พอโดนอย่างนี้ปุ๊บ ก็จะเอาละ ก็จะเป็นอะไรที่แบบมาสอนตัวเองว่าบางทีเราหน้าใหม่เกินไป เราจะไปมั่นใจตรงนี้ไม่ได้เลย แล้วตอนที่เรียนกับครูเงาะนะ บางซีนอย่างซีนที่ไหมคิดว่า ครูเงาะไม่นานจะทำให้ไหมร้องไห้ได้ ด้วยอารมณ์ที่ต้องนึกถึงสิ่งที่เค้าพูด คือ มันต้องค่อยๆบิวท์น่ะค่ะ พอทำอารมณ์ไหมก็ต้องมานั่งคิด อยู่กะเค้ามานาน เค้าทำอย่างนี้ สิ่งดีๆที่เค้าทำให้เรา คือ บางทีเราต้องเสริม ของเราไปด้วยว่า รงค์เคยพาเราไปกินข้าวร้านข้าวขาหมูนะ เราเคยผ่านเรื่องแบบนี้ แบบนั้น มาด้วยกันนะ แล้วนี่สิ่งพวกนั้นมันจะไปแล้ว จะไม่อยู่กับเราแล้ว เราจะทำยังไงละ มันรู้สึกว่างเปล่า มันก็จะร้องไห้ได้
Q: ฉากที่เรารู้สึกว่าประทับใจที่สุดเลย
A: ฉากเปียโน มันเป็นฉากเศร้า คือซีนนั้นไหมเล่นให้เต็มที่เลยนะ หูย...ไหมร้องไห้ให้เยอะมาก เสียดายมันไม่ค่อยเห็น ไหมรู้สึกว่าไหมเล่นเสร็จละแบบ เห้อ..............(ถอนหายใจ เฮือกใหญ่) ไหมรู้สึกส่วนตัวว่าแบบ ถ้าเล่นซีนอารมณ์ ถ้าเล่นไม่เต็มที่ เสร็จปุ๊บไหมจะแบบ เหมือนสะบัดออกไม่หลุดทั้งตัวแ ละถ้าวันไหนเล่นเสร็จ เล่นอิ่มนะ เค้าบอกให้คัตไหมยังหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย นี่คือความเป็นจริง และอีกซีนนึงเป็นซีนที่เอาเสื้อของรงค์มาเย็บๆเป็นผ้าห่มอ่ะ ซีนนั้นน่ะอิ่มมาก คือไหมร้องอ่ะ ร้องแบบร้องไม่หยุดจริงๆอ่ะ แล้วพอพี่พิงสั่งคัตไหมก็ยังร้องไม่หยุดอ่ะ จนพี่ทีมงานต้องมารับหน้าไหมต่อ
เพราะมันร้องไม่หยุดจริงๆ ซีนนั้นน่ะอิ่ม พี่พิงบอกว่า พี่พิงเคยมองไปที่มุมห้องที่ไหมนั่งอยู่ เค้ามองละเค้าก็คิดว่า โห อุดม นี่มันหานางเอกสุดยอดมาให้เรา พี่รู้สึกว่าพี่โชคดีมากนะได้ไหมมาเล่น เพราะอย่างเปียโนเนี่ย ตอนแรกก็ไม่ได้มี และแบบพอเที่ยงคนอื่นเค้าไปกินข้าวกัน ไหมก็ไม่กิน ไหมก็ไปเล่นเปียโนซ้อมให้อะไรเนี่ยะ พี่พิงเค้าบอกว่าเค้าโคตรโชคดีเลย ที่ได้ไหมมาเล่น มันโคตรขยันเลย
Q: แล้วฉากที่สนุกที่สุดอ่ะ
A: ฉากดำน้ำ ถ้าไหมชอบนะ ชอบฉากที่มุดลงไปในน้ำที่สุดเลยอ่ะ สนุกๆ ซึ่งจริงๆไม่ได้อยู่ในบทเลย เล่นกันสดๆเลยคือ จะลงตรงไหน จะไปมุมไหนของห้องน้ำดี เบื้องหลังเนี่ยะคือตลกมาก เพราะว่า ไหมก็ไม่ได้ตัวเบาหรอก แต่คือ พอมันไปอยู่ใต้น้ำอ่ะ แล้วมันก็ลอย คือก้นมันกระดกขึ้นไง กระโปรงมันบานมันก็พองขึ้นไง เลยต้องมีดัมเบล 2 อัน ต้องเกาะดัมเบลแล้วก็ลง ก็ยังไม่ได้อยู่ดีแล้วก็ จะสนุกตรงที่แบบว่า พอสั่ง action เนี่ย มันต้องลงไปแล้วนะ แล้วไหมไม่รู้ว่าต้องพอเมื่อไหร่ แล้วถ้าเราขึ้นมาก่อน แล้วยังไม่จบเดี๋ยวก็เปลืองฟิล์มอีก ไหมก็กลัว เพราะทุกคนจะระวังเรื่องฟิล์มมากหลังจากนั้น(ฉากแรกใช้ฟิล์มไปร่วม20ม้วน) แล้วอันนี้มันก็สนุก เพราะเปียกๆดี แล้วมันก็ได้เล่นเป็นซีนแบบฮาๆค่ะ
Q:กับผลงานชิ้นแรกในชีวิต ไหมคิดว่าเราได้อะไรจากการเล่นหนังเรื่องนี้บ้าง
A: ไหมได้เยอะนะ ได้ทั้งการทำงาน ได้ทั้งทัศนคติเกี่ยวกับความรัก อย่างเรื่องการทำงานเนี่ยะ ไหมไม่เคยได้ทำงานแบบออกกองอย่างนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกแบบเต็มตัว ได้รู้เรื่องระบบกองถ่าย รู้จักการแอคติ้ง การทำอารมณ์ในแบบต่างๆ ได้รู้จักทีมงาน อย่างน้อยการที่ไหมจะเล่นหนังเรื่องต่อๆไปไหมก็จะได้นำเอาประสบการณ์จากตรงนี้ไปใช้ด้วย ส่วนด้านความรัก ไหมมองรูปแบบความรักในมุมที่โตขึ้น มองความเป็นจริงว่าหากคนเรารักกันเนี่ย เวลาเราอยู่ด้วยกันเราก็น่าจะทำดีต่อกัน บอกรักกันไปเลย ทำให้กันไปเลยไม่ต้องมากั๊กๆไว้ เพราะในชีวิตจริงมันอาจไม่เหมือนในหนังที่จะHappy Ending หรือได้โอกาส ได้เวลากลับมาแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ อีกอย่างไหมก็จะใช้หลักธรรมะมาช่วยด้วยคือ คนเรามีเกิดก็ต้องมีดับ มียศเสื่อมยศ มีลาภเสื่อมลาภ เพราะฉะนั้นทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด
Q: อยากฝากอะไรกับคนดูถึงหนังเรื่อง “โคตรรักเอ็งเลย”บ้าง
A: อยากให้มาดูหนังเรื่องนี้กันเพราะไหมคิดว่ามันมีข้อความที่สื่อถึงผู้ดู แล้วคนดูน่าจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้เยอะ นักแสดงก็เก่ง ทีมงานก็เก่ง หนังดี สำหรับไหมเองก็คงต้องฝากผลงานชิ้นนี้เอาไว้ ถือว่าเป็นการทำความรู้จักกันก็ได้ค่ะ ไหมไม่กล้าชวนให้คนมาดูไหม แต่เอาเป็นว่าไหมชวนทุกคนมาดูหนังดีๆสักเรื่อง มาดูฝีมือของทีมงานดีๆ บทดีๆ มาดูพี่โน้ส พี่พิงดีกว่า อีกอย่างเราคนไทยก็ต้องสนับสนุนหนังไทย ใช่มั๊ยคะ มาดูกันเยอะๆละกันค่ะ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ