MeetNlunch เปิดผลโพล การเลือกคู่ คนกรุงเทพฯ

ข่าวทั่วไป Monday January 11, 2010 14:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--MeetNlunch MeetNlunch เปิดผลสำรวจทัศนคติคนกรุงเทพฯ เกี่ยวกับการหาคู่ครอง พบ ผู้หญิงให้ความสำคัญกับค่านิยม ทัศนคติเป็นอันดับแรก รองลงมาคือพื้นฐานครอบครัวและให้ความสำคัญกับระดับการศึกษามากกว่าผู้ชายในขณะที่ผู้ชายไทยกว่า 92% ของกลุ่มตัวอย่างชอบผู้หญิงไทยเชื้อสายจีน นาง นิกกี้-นิธินันท์ อัศวทร ผู้บริหาร บริษัท MeetNLunch บริษัทจัดหาคู่มืออาชีพ ให้บริการด้านคำปรึกษาและแนะนำหนุ่มสาวให้รู้จักกันในรูปแบบส่วนตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติคนกรุงเทพฯเกี่ยวกับการหาคู่ครองจากการออกแบบสอบถามสมาชิกที่มาใช้บริการกับบริษัทและประชาชนทั่วไปจำนวน 800 คนแบ่งเป็นเพศหญิง 70% (อายุระหว่าง 25-50 ปี) เพศชาย 30%(อายุระหว่าง30-55 ปี)ในจำนวนนี้เกือบทั้งหมดเป็นคนกรุงเทพฯและจบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี พบว่า ทั้งเพศหญิงและชายให้ความสำคัญกับค่านิยมและทัศนคติเป็นอันดับแรกในการเลือกคู่ ในขณะเดียวกัน เพศหญิงจะให้ความสำคัญกับการศึกษาของเพศตรงข้ามมากกว่าผู้ชาย โดย 2ใน 5 ของผู้หญิงรับไม่ได้หากฝ่ายชายมีการศึกษาน้อยกว่า และ 3 ใน 5 ของผู้หญิงรับไม่ได้หากฝ่ายชายมีรายได้น้อยกว่า ในขณะที่ 3 ใน 5 ของผู้ชายรับได้ หากฝ่ายหญิงมีการศึกษาหรือมีรายได้น้อยกว่าตน สิ่งสำคัญรองลงมาสำหรับการเลือกคู่ของฝ่ายชายคือ รูปร่างหน้าตา ในขณะที่ฝ่ายหญิงให้ความสำคัญกับพื้นฐานของครอบครัวฝ่ายชายเป็นอันดับรองลงมา สำหรับประเด็นด้านเชื้อชาติจากจากสอบถามผู้ชายที่มีเชื้อชาติไทยแท้ 58% และไทยเชื้อสายจีน 41% พบว่า 92% เลือกผู้หญิงไทยเชื้อสายจีน ในขณะที่ฝ่ายหญิงที่ตอบคำถามเป็นเชื้อสายไทยแท้ 68% ไทยเชื้อสายจีน 30% พบว่า ผู้หญิงเลือกผู้ชายไทยแท้ 72% ไทยเชื้อสายจีน 62% และฝรั่ง53% ในด้านรายได้ของคู่ครอง ฝ่ายหญิง 2 ใน 3 บอกว่า อยากเจอผู้ชายที่มีรายได้เท่ากัน หรือมากกว่าเท่านั้น ในขณะที่ผู้ชาย 2 ใน 3 ไม่อยากเจอผู้หญิงที่มีรายได้มากกว่า โดยบางส่วนให้เหตุผลว่า กลัววิถีชีวิต หรือไลฟ์สไตล์จะแตกต่างกันเกินไป ในขณะเดียวกันจาก ผลสำรวจในลักษณะเดียวกันในฮ่องกงพบว่า หนุ่มๆถึง 2 ใน 3 บอกว่า ไม่มีปัญหาถ้าจะเดทกับฝ่ายหญิงที่มีรายได้มากว่าตน (The Standard,2009) โดยในส่วนของผู้ชายไทยที่ตอบคำถามในเรื่องของรายได้ พบว่า 35%ไม่มีปัญหาหากฝ่ายหญิงมีรายได้มากกว่า อีก 65% อยากมีรายได้มากกว่าฝ่ายหญิง และ 30% ของผู้ชายส่วนใหญ่อยากให้ฝ่ายหญิงมีรายได้ประมาณ 25,001-35,000 บาทต่อเดือน รองลงมาคือ 26% อยากให้มีรายได้ น้อยกว่า 25,000 บาทต่อเดือน และ 22% อยากให้มีรายได้ 35,001-50,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่ฝ่ายหญิง 62% รู้สึกรับไม่ได้ หากฝ่ายชายมีรายได้น้อยกว่า ซึ่งรายได้ของฝ่ายชายที่ผู้หญิงต้องการโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000-75,000 บาทต่อเดือน โดยฝ่ายหญิงที่มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร ภาษาอังกฤษระบุว่า รายได้เฉลี่ยของฝ่ายชายที่พอใจอยู่ที่ 100,001-150,000 บาท ด้านการศึกษา จากการสำรวจพบว่า ผู้หญิงให้ความสำคัญกับการศึกษามากกว่าฝ่ายชาย โดยหญิง 40% รู้สึกรับไม่ได้ หากฝ่ายชายมีการศึกษาต่ำกว่า และ 64% ของฝ่ายหญิงคาดหวังว่าฝ่ายชายต้องจบการศึกษาขั้นต่ำในระดับปริญญาตรี และ 33% อยากให้จบการศึกษาขั้นต่ำในระดับปริญญาโท ในอีกด้านหนึ่ง 2 ใน 3 ของผู้ชายรับได้ ถ้าผู้หญิงมีการศึกษาน้อยกว่า และ 80% หวังว่าผู้หญิงควรจบการศึกษาขั้นต่ำในระดับปริญญาตรี ในเรื่องของอายุ ครึ่งหนึ่งของผู้ชายไม่อยากเจอผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งบอกว่ารับได้ โดยผู้ชายส่วนใหญ่มองหาผู้หญิงอายุ 25 ถึง 30 ปี ด้วยเหตุผลเรื่องการมีบุตร ในขณะที่ฝ่ายหญิง 34% คิดว่ารับได้หากฝ่ายชาย มีอายุน้อยกว่าไม่เกิน 5 ปี และอีก 22% รับไม่ได้หากฝ่ายชายเด็กกว่า ประเด็นส่วนสูง เป็นที่น่าแปลกใจว่า 2 ใน 3 ของฝ่ายชายไม่มีปัญหาเรื่องส่วนสูงของฝ่ายหญิงหากฝ่ายหญิงสูงกว่า ในขณะที่ฝ่ายหญิงค่อนข้างให้ความสำคัญกับส่วนสูงของผู้ชาย โดย 2 ใน 3 ของฝ่ายหญิงบอกว่ารับไม่ได้ ถ้าฝ่ายชายเตี้ยกว่า ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจของสาวฮ่องกง จำนวน 56% ที่บอกว่าไม่อยากเดทกับผู้ชายเตี้ยกว่าแล้ว สาวไทยมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าถึง 14%( The Standard, 2009) ผู้ชายส่วนใหญ่เลือกผู้หญิงสูง 160 เซนติเมตรหรือ 165 เซนติเมตร อย่างละ 31% ในขณะที่ส่วนสูงที่ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่เลือกคือ 170 เซนติเมตร และ 175 เซนติเมตร เป็นสัดส่วน 31% และ 24% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายหญิงบางส่วนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนสูงในอุดมคติอาจลดลงได้ ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตา และฐานะของฝ่ายชาย สถานภาพการสมรส แม้ตัวเลขการหย่าร้างจะสูงขึ้นในปัจจุบัน และทำให้คนส่วนมากยอมรับได้มากขึ้น โดยเฉพาะสาวไทยส่วนใหญ่ที่บอกว่าพวกเธอไม่มีปัญหาถ้าจะเดทกับผู้ชายที่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อนหรือมีลูกติด แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายชายจำนวนเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่รู้สึกรับได้ หากฝ่ายหญิงเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ผู้ชาย 22% เปิดกว้างที่จะคบหากับคนที่เคยแต่งงานมาก่อน แต่หากเธอมีลูกแล้ว สัดส่วนการยอมรับจะลดลงเหลือเพียง 6% เท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายหญิงมากกว่า 59% คิดว่าไม่เป็นไร หากฝ่ายชายจะเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน และ 25% รับได้ถ้าเขามีลูกติด เกณฑ์ในการเลือกคู่ครอง ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ทั้งผู้ชายและผู้หญิงคำนึงถึง ค่านิยมและทัศนคติ เป็นอันดับแรก ในเกณฑ์การเลือกคู่ โดยสิ่งที่สำคัญรองลงมาสำหรับฝ่ายชายคือ รูปร่างหน้าตา ในขณะที่ฝ่ายหญิงให้ความสำคัญกับพื้นฐานครอบครัวของฝ่ายชายเป็นอันดับรองลงมา โดยมีรูปร่างหน้าตาอยู่ในอันดับสุดท้าย 68% ของผู้ชายเลือกค่านิยมและทัศนคติตรงกันของผู้หญิงเป็นคุณลักษณะที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยลักษณะภายนอก (ส่วนสูง น้ำหนัก หน้าตา )พื้นฐานครอบครัว การศึกษา อาชีพ และรายได้ เป็นอันดับท้ายสุด ในขณะที่ฝ่ายหญิง 67% ให้ความสำคัญกับค่านิยมและทัศนคติเป็นอันดับแรกเช่นเดียวกัน รองลงมาคือ พื้นฐานครอบครัว รายได้ อาชีพ การศึกษา และลักษณะภายนอกอยู่ในอันดับท้ายสุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ