กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนชาวบ้านสังเกตสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติก่อนเกิดดินถล่ม

ข่าวทั่วไป Wednesday May 18, 2005 17:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--ปภ.
นายสุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่ลุ่ม ให้ระวังการเกิดเหตุภัยพิบัติในพื้นที่ โดยเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก โคลนถล่ม และดินถล่ม มักเกิดขึ้นพร้อมกัน โดยเกิดจากฝนตกหนักบริเวณภูเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนน้ำสะสมมากจนพื้นดินและต้นไม้ดูดซับไม่ไหว จึงไหลบ่าลงสู่ที่ราบต่ำอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จึงขอให้ประชาชนเตรียมรับภัยดังกล่าว โดยสังเกตสภาพพื้นที่ที่ตนอาศัย โดยพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม ดินถล่ม จะมีลักษณะ ดังนี้ อยู่ติดภูเขาหรือลำห้วยมากน้อยแค่ไหน พื้นที่เดิมมีร่อยรอยแนวของดินไหลลงจากภูเขาหรือไม่ ในช่วงที่ฝนตกมีรอยแยกของพื้นดินบนภูเขาหรือไม่ และมีกองดินกองโคลนบริเวณโคนต้นไม้ในหมู่บ้านหลังฝนตกหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพื้นที่นั้น เป็นจุดที่เคยเกิดน้ำป่าหรือน้ำท่วมมาก่อน ให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
นายสุนทร กล่าวต่อไปว่า ก่อนเกิดภัยน้ำท่วม ดินถล่ม มักจะมีสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ ดังนี้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก หากตกติดต่อกันเกินกว่า 6 ชั่วโมง จะมีโอกาสเกิดน้ำป่าไหลหลากสูง ระดับน้ำในแหล่งน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สีของน้ำที่ไหลเปลี่ยนเป็นสีดินของ ภูขา เช่น สีแดง สีดำอมเทา รวมทั้งมีเสียงดัง เนื่องจากต้นไม้ล้ม หินกลิ้งลงมาตามลาดเขา สัตว์ป่าแตกตื่นในระหว่างหรือหลังจากฝนตกหนักใหม่ๆ บนภูเขา หากสังเกตพบสัญญาณผิดปกติดังข้างต้นให้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกิดน้ำป่า หรือดินถล่มในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมดินถล่ม ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดและสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว หากพบสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุ น้ำป่าไหลหลาก โคลนถล่ม ต้องรีบแจ้งเตือนภัยให้คนในหมู่บ้านทราบอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดและอย่ามัวแต่ห่วงทรัพย์สมบัติ ให้พยายามรักษาชีวิตตนเองไว้เป็นดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ลำพังการเกิดเหตุการณ์โคลนถล่มเพียงอย่างเดียว คงจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักมีภัยแทรกซ้อนมากับการเกิดน้ำป่าไหลหลาก และโคลนถล่ม เช่น ท่อนซุง ท่อนไม้ ลอยตามมากับน้ำและโคลนที่ถล่มลงมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากการตัดไม้ทำลายป่า การทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และบ้านเรือนของประชาชนอย่างมหาศาล ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลรักษาผืนป่า อย่าตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการตัดไม้ทำลายป่าหรือทำไร่เลื่อนลอย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามมาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ โทร./โทรสาร.0-2243-0674
e-mail : public@ disaster.go.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ