ASCON รุกรับงานภาครัฐชิงส่วนแบ่ง 400,000 ล้าน มั่นใจการเมืองส่งผลกระทบระยะสั้น

ข่าวทั่วไป Thursday March 30, 2006 12:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--โอเอซิส มีเดีย
แอสคอน มั่นใจธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปี 49 ยังขยายตัว คาดปัจจัยการเมืองส่งผลกระทบระยะสั้น ชี้ภาครัฐยังต้องลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อีกกว่า 400,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 49 ขอเพิ่มมูลค่างานในมือเป็น 3,000 ล้านบาท จากเดิม 2,000 ล้านบาท พร้อมเน้นหลัก 3 ประการบริหารองค์กร ทีมงาน เงินทุน และพันธมิตรธุรกิจ ดันธุรกิจโตต่อเนื่อง ด้านผลดำเนินงานปี 48 รายได้รวมโต 270%
นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพธุรกิจก่อสร้างในปีที่ผ่านมาว่าแม้มีผลกระทบจากราคาวัสดุก่อสร้าง อัตราดอกเบี้ย ภาวะราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น และแม้ในขณะนี้สถานการณ์การเมืองจะมีความร้อนแรง แต่คาดว่าปัจจัยดังกล่าวน่าจะมีผลกระทบในช่วงสั้นเท่านั้น ประกอบกับพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เมื่อสถานการณ์ทางด้านการเมืองคลี่คลายภาคธุรกิจต่างๆ ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ทันที โดยในส่วนของอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างของบริษัทฯได้วิเคราะห์ภาพและวางแผนรับมือไว้พร้อมแล้ว โดยเป้าหมายในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของมูลค่างานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท จากมูลค่างานในมือเมื่อปี 2548 ที่มีมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 50%
สำหรับนโยบายการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ จะรุกเข้าสู่การประมูลงานเพื่อรับงาน ก่อสร้างของภาครัฐ เช่น โครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน อาทิ ถนน อุโมงค์ สะพาน อาคาร ให้มากขึ้น หลังจากที่งานของบริษัทฯแต่เดิมจะเน้นงานในภาคเอกชนเป็นหลัก โดยมีวัตถุประสงค์ ในการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานให้หลากหลายรวมถึงการเพิ่มรายได้ โดยงานในส่วนของภาครัฐยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ในส่วนของรถไฟฟ้า ที่รัฐบาลวางไว้คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2548 ประมาณ 5-10 % ขณะที่งานในภาคเอกชนนั้นปัจจุบันก็ยังมีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะโครงการอาคารสูงที่พักอาศัย ในย่านชุมชนใหญ่ ๆ รวมถึงโครงการที่ติดกับโครงการรถไฟฟ้า บีทีเอส เป็นต้น
“แม้ตอนนี้การเมืองคุกรุ่น แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วจะคลี่คลายในทางที่ดี เศรษฐกิจจะขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยเฉพาะโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ (Mega Project) หรือโครงการขอภาคเอกชนที่มีการลงทุนไปแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อแน่นอน” นายพัฒนพงษ์กล่าว
นายพัฒนพงษ์ กล่าวต่อไปว่าบริษัทฯ ได้วางนโยบายด้านการบริหารให้สอดคล้องกับการเติบโตไว้ 3 ประการ ประกอบด้วยเรื่องของทีมงานที่เน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีผีมือและคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของมูลค่างานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ประการที่สองเรื่องของเงินทุนโดยปัจจุบันหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทำให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้นสามารถรองรับการขยายงานตามเป้าหมายได้ และในอนาคตหากต้องการระดมเงินทุนเพิ่มก็สามารถทำได้ไม่ยากนัก และประการสุดท้ายในส่วนของพันธมิตร ปัจจุบันบริษัทฯ มีกลุ่มผู้ถือหุ้นกลุ่มวิไลลักษณ์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มทุนที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในธุรกิจและเครือข่ายด้านไอที สามารถช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2548 มีรายได้รวม 825 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่ 223 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 270 % และมีกำไรสุทธิรวม 72 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่ 15 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 380% ขณะที่ตัวเลขในส่วนของงบดุล ณ ปี 2548 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 750 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่ 218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244 % และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำอยู่ที่ 0.78
ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปี 2548 แบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ งานรับเหมาก่อสร้างทั้งในส่วนของ โครงการบ้านจัดสรร อาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงงานสาธารณูปโภคภาครัฐ และธุรกิจงานจัดจำหน่ายและบริการ ด้านเครื่องจักรอุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม / คุณปิยะพร จำเนียร
บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทรศัพท์ : 0-2937-4658-9
Email: saranyarat@oasismedia.co.th / piyaporn@oasismedia.co.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ