พาณิชย์สะกิดผู้ผลิตยางธรรมชาติระวังเสียแชมป์ส่งออก

ข่าวทั่วไป Tuesday November 28, 2006 10:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--ปชส.จร. กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เตือนผู้ผลิตยางธรรมชาติไทยระวังคู่แข่งอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียตีตลาดส่งออกยางธรรมชาติในจีน หากไม่พัฒนาพันธุ์และกระบวนการผลิตให้ได้คุณภาพอาจสูญเสียตลาดจีนให้กับ 2 ประเทศนี้ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างไทยและจีนในสินค้ายางธรรมชาติในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 (ม.ค-มิ.ย) จีนมีการนำเข้ายางธรรมชาติจากไทยเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.7 เช่นเดียวกับจีนที่เป็นตลาดส่งออกยางธรรมชาติหลักของไทย โดยไทยส่งออกไปตลาดจีนเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.8 ของการส่งออกยางธรรมชาติทั้งหมดของไทย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 (ม.ค-มิ.ย) ไทยส่งออกยางธรรมชาติปริมาณ 1.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,451 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกหลักของไทย คือ จีน (ร้อยละ 20.8) ญี่ปุ่น (ร้อยละ 18.8) และมาเลเซีย (ร้อยละ 16.1) สำหรับยางสังเคราะห์ส่งออกเพียง 0.08 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านการนำเข้าของจีนในช่วงเวลาเดียวกัน จีนนำเข้ายางธรรมชาติและยางสังเคราะห์เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยจีนนำเข้ายางธรรมชาติปริมาณ 0.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,269 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยนำเข้าจากไทยเป็นอันดับ 1 ปริมาณ 0.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 478 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.7 รองลงมาคือ มาเลเซีย (ร้อยละ 31.0) อินโดนีเซีย (ร้อยละ 22.7) และเวียดนาม (ร้อยละ 4.2) และนำเข้ายางสังเคราะห์ 0.67 ล้านตัน มูลค่า 1,185 ล้านเหรียญสหรัฐ นางสาวชุติมา กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของ China Rubber Industry Association ในปี 2553 จีนจะมีความต้องการบริโภคยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านตัน ในขณะที่ผลผลิตในประเทศมีเพียง 0.75 ล้านตัน แม้ปัจจุบันจีนจะมีนโยบายขยายกำลังการผลิตยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นโดยการขยายพื้นที่เพาะปลูกยางบนพื้นที่ 696,200 เฮคเตอร์ บริเวณจังหวัด Hainan และ Yunnan แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ ในขณะที่ไทยมีกำลังการผลิตยางธรรมชาติได้ปีละ 2.8 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ในประเทศและส่งออกถึง 2.6 ล้านตัน “ผู้ผลิตยางธรรมชาติไทยไม่ควรนิ่งนอนใจ แม้ไทยจะครองส่วนแบ่งตลาดในจีน แต่หากเราไม่เร่งพัฒนาพันธุ์ยางพาราและเทคนิคในการปรับปรุงการผลิตให้ได้ยางที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพ เพื่อสนองความต้องการของตลาดและได้ราคาสูง ก็มีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจสูญเสียตลาดจีนให้กับมาเลเซียและอินโดนีเซีย รวมทั้งต้องปรับกลยุทธ์การส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ โดยให้ความสำคัญในกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและขยายฐานการปลูกไม้ยางพาราไปประเทศใกล้เคียง เช่น ลาว พม่า กัมพูชาและเวียดนาม” นางสาวชุติมากล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ