ผลกระทบทางการเมืองต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 8, 2010 13:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--หอการค้าไทย นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ที่หลายฝ่ายเริ่มมีความวิตกกังวลและเฝ้าติดตามกันอย่างใกล้ชิดในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของสังคม การเมือง และสุดท้ายคือ ทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนไทยหรือนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้ง ประชาชนทั่วไปที่รอดูสถานการณ์เช่นเดียวกันว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะจบลงเมื่อใด และอย่างไร คงต้องยอมรับว่า เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองมีความไม่แน่นอนขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น จนเป็นสาเหตุให้เกิดการนองเลือด หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง ภาวะเศรษฐกิจของประเทศก็จะประสบปัญหาการชะลอตัวลงเช่นกัน ดังนั้นสถานการณ์ทางการเมือง ณ ปัจจุบัน จึงเป็นสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตาราง ประมาณการผลกระทบของสถานการณ์ทางการเมืองต่อเศรษฐกิจไทยนับตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2553 เป็นต้นมา ชุมนุมยืดเยื้อ ชุมนุมยืดเยื้อ รวม 1 เดือน รวม 3 เดือน ผลกระทบของการบริโภคต่อGDP (ล้านบาท) มีผลกระทบวันละ 500-800 10,000-16,000 20,000-30,000 ล้านบาท ผลกระทบที่เกิดจากการลงทุนทางตรงต่อGDP (ล้านบาท) มีผลกระทบปานกลาง 1,000-2,000 10,000-20,000 ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว (ล้านบาท) มีผลกระทบวันละ 200-500 ล้านบาท 10,000-20,000 40,000-50,000 ผลกระทบโดยรวมต่อระบบเศรษฐกิจ (ล้านบาท) 21,000-38,000 70,000-100,000 ผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(ร้อยละ) 0.1-0.2 0.3-0.5 F คือ ค่าประมาณปี 2553 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจที่ค้าขายในประเทศเป็นสำคัญ ไม้ว่าจะเป็นธุรกิจ SME ธุรกิจขนาดใหญ่ และประชาชนทั่วไปทุกระดับ เช่น ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบประมาณวันละ 200-500 ล้านบาท โดยแยกเป็นผลกระทบต่อธุรกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ ธุรกิจสายการบิน ธุรกิจทัวร์ขนาดใหญ่ ธุรกิจรถโดยสารขนาดใหญ่ โรงแรมและสถานที่พักต่าง ๆ ประมาณ 60% ของผลกระทบต่อวัน หรือประมาณ 120-400 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ผลกระทบประมาณ 40% ของผลกระทบต่อวัน หรือประมาณ 80-200 ล้านบาทต่อวัน เกิดขึ้นกับธุรกิจ SME และประชาชนทั่วไป ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจขายของที่ระลึก ธุรกิจเกสท์เฮาส์ ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจรถโดยสารขนาดเล็ก ตลอดจนประชาชนที่เป็นพนักงานหรือรับจ้างในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวดังกล่าว ทั้งที่มีรายได้รายเดือนหรือรายได้รายวัน เช่น ไกด์นำเที่ยว พนักงานขับรถ หมอนวดแผนไทย พนักงานร้านอาหาร พนักงานขายของและชาวบ้านที่ผลิตของที่ระลึกตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจค้าขายในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบประมาณวันละ 500-800 ล้านบาทนั้น แยกเป็นผลกระทบต่อธุรกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและขายสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ ธุรกิจผลิตและขายสินค้าคงทนขนาดใหญ่ เช่น บ้าน รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ประมาณ 70% ของผลกระทบต่อวัน หรือประมาณ 350-560 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ผลกระทบประมาณ 30% ของผลกระทบต่อวัน หรือประมาณ 150-240 ล้านบาทต่อวัน เกิดขึ้นกับธุรกิจ SME เช่น ผู้ผลิตและผู้ขายขนาดกลางและขนาดเล็ก ร้านขายของชำทั่วไปและประชาชนทั่วไป ที่เป็นพนักงานหรือรับจ้างในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจผลิตและขายสินค้า รายได้รายเดือนหรือเป็นลูกจ้างรายวัน เช่น คนงานในโรงงาน ผู้ใช้แรงงาน และพนักงานขายของตามที่ต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ของกลุ่มนปช. ซึ่งในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อธุรกิจในบริเวณใกล้เคียงวันละประมาณ 200-500 ล้านบาทต่อวันนั้น ส่งผลกระทบต่อต่อธุรกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงแรมและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ประมาณ 70% ของผลกระทบต่อวัน หรือประมาณ 140--350 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ผลกระทบประมาณ 30% ของผลกระทบต่อวัน หรือประมาณ 60-150 ล้านบาทต่อวัน จะตกอยู่กับธุรกิจ SME เช่น ผู้ขายขนาดกลางและขนาดเล็ก ร้านขายของชำทั่วไป และประชาชนทั่วไป ที่เป็นพนักงานหรือรับจ้างในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจผลิตและขายสินค้า รายได้รายเดือนหรือเป็นลูกจ้างรายวัน เช่น พนักงานโรงแรมพนักงานขายของตามที่ต่างๆ และที่สำคัญคือชาวบ้านที่รับจ้างเย็บเสื้อผ้าให้กับธุรกิจที่จำหน่ายในย่านนั้น ทั้งในส่วนกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของประชนชนในระดับรากหญ้า ในอนาคตหากมีการชุมนุมยืดเยื้อ ดังนั้น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยไทย จึงของให้ข้อเสนอแนะสำหรับสถานการณ์ในช่วงนี้ ดังนี้ 1. ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ ควรเร่งหาทางเจรจาในการแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็ว 2. ขอให้ประชาชนไทยทุกคนเคารพกฎหมาย เพื่อความสงบสุขของประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ