พพ. ยันปี 53 ปีเสือทองแห่งการลงทุนพลังงานทดแทน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 15, 2010 18:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--พพ. พพ. ยันปี 53 ปีเสือทองแห่งการลงทุนพลังงานทดแทน พร้อมแย้มข้อมูลแผนที่ศักยภาพพลังงานทดแทนทุกด้านทั่วประเทศเป็นครั้งแรก ชี้ตลอดปี 52 มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงสุดกว่า 402 โครงการ มูลค่ากว่า 2.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 51 ขาดลอย หวังภาคเอกชน ประชาชนตอบรับภาพรวมการส่งเสริมพลังงานทดแทนต่อ มั่นใจผลักดันการลงทุนสาขาพลังงานทดแทน ลม แสงอาทิตย์ เชื้อเพลิงชีวภาพ สร้างความมั่นคงพลังงาน และเสริมเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง วันนี้ (15มค.53) นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.)พร้อมด้วยผู้บริหาร เปิดแถลงข่าว พพ.กับปีเสือทองแห่งการลงทุนด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน โดยมีผู้แทนจากภาคเอกชน ได้แก่ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กรรมการรองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ นางดวงพร สุจริตานุวัต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบรรษัทธุรกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)ร่วมแถลงข่าว นายไกรฤทธิ์ กล่าวว่า ในปี 2553 นี้ จนถึงปี 2554 เชื่อว่าน่าจะเป็นปีทอง ที่จะเกิดการลงทุนในภาคพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น โดย พพ. จะได้ร่วมกับภาคเอกชน นักลงทุน รวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆ ผลักดันการลงทุนภาคพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่ยังมีศักยภาพอยู่มาก ได้แก่ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานชีวภาพ รวมทั้งจะได้ผลักดันในสาขาอื่น ๆโดยเฉพาะการใช้แก๊สโซฮอล์ E85 ไบโอดีเซล B5 และการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปลงเป็นก๊าซชีวภาพ (Biogas) ทดแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG) และใช้เพื่อเสริมระบบ NGV ในรถยนต์(Biomethane) ซึ่งทั้งหมดนับเป็นนโยบายหลักที่สำคัญของกระทรวงพลังงาน ที่จะส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนช่วยผลักดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคการเกษตร ทั้งนี้ ในปี 2552 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่มีการตอบรับการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน จากภาคประชาชน และจากภาคเอกชนนักลงทุนเป็นอย่างยิ่ง โดยจากภาคประชาชน พบว่า มียอดการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะเชื้อเพลิงชีวภาพเพิ่มขึ้นทุกประเภท อาทิ ยอดการใช้เอทานอล มียอดการใช้รวม 1.2 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 51 ร้อยละ 29 การใช้ไบโอดีเซล มียอดการใช้รวม 1.6 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 51 ร้อยละ 45 รวมทั้งยอดการใช้ NGV ซึ่งมีการใช้สูงถึง 3,900 ตันต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นจากปี 51 ร้อยละ 99 และยอดจำนวนรถที่ใช้ NGV ก็เพิ่มขึ้นเป็น 162,323 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 51 ร้อยละ 27 นอกจากนี้ จากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ยอดการขอรับส่งเสริมการลงทุนสุทธิในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ตลอดปี 2552 พบว่า มีการเติบโตของการขอส่งเสริมการลงทุนแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 2551 โดยมียอดโครงการทั้งสิ้น 402 โครงการ มูลค่าการลงทุน 229,108 ล้านบาท ขณะที่ปี 2551 มียอดโครงการเพียง 62 โครงการ มูลค่าการลงทุน 19,930 ล้านบาท และเป็นที่น่าสังเกตว่า เฉพาะภายในเดือนธันวาคม 2552 มียอดขอรับการการส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 296 โครงการ มูลค่าการลงทุน 181,669.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Maximum incentive) จากBOIโดยมีสิทธิประโยชน์ที่ยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักร ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 0% เป็นเวลา 8 ปี และหลังจากนั้นอีก 5 ปี หรือตั้งแต่ปีที่ 9 - 13 จะลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 50% ซึ่งได้กำหนดให้ยื่นคำขอภายในเดือนธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา จึงทำให้มียอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มแบบก้าวกระโดด โดยขณะนี้ พพ. อยู่ระหว่างที่จะสนับสนุนข้อมูลและขอให้ BOI ขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี (จากเดิมมาตรการดังกล่าวจะหมดอายุสิ้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา) ซึ่งหากสามารถต่ออายุมาตรการนี้ต่อไปได้ เชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ภายในปี 2553 ต่อเนื่องถึงปี 2554 เนื่องจาก BOI ได้ยกระดับให้อุตสาหกรรมพลังงานทดแทนเป็นกิจการที่มีระดับความสำคัญสูงสุด และจะได้รับการส่งเสริมมากที่สุดเช่นกัน นายไกรฤทธิ์ กล่าวเพิ่มว่า ในวันนี้ พพ. ยังได้นำแผนที่ศักยภาพพลังงานทดแทน ออกมาเปิดเผยแก่ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยข้อมูลในแผนที่ศักยภาพพลังงานทดแทนดังกล่าว จะบอกถึงพื้นที่ภายในประเทศไทยที่มีศักยภาพด้านพลังงานทดแทนสาขาต่าง ๆ อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล ที่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยม เช่น ฟางข้าว เหง้ามันสำปะหลัง ทะลายปาล์มเปล่า ซังข้าวโพด เป็นต้น โดยภายในแผนที่ดังกล่าวจะสามารถระบุได้ว่าพื้นที่ใดบ้างจะมีศักยภาพสูง และเอื้อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน เป็นต้น โดย พพ.คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคม 2553 นี้ แผนที่ศักยภาพพลังงานทดแทนสาขาต่าง ๆ น่าจะเสร็จสมบูรณ์ และสามารถใช้อ้างอิงในการเป็นฐานข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่อไปได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ