กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--ส.อ.ท.
ผู้ประกอบการเผยหลายปัจจัยเสี่ยงกระทบความเชื่อมั่น ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. 50 ปรับตัวลดลง จี้รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งค่าและมีเสถียรภาพ แก้ปัญหาความไม่สงบในประเทศ
นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries Sentiment Index: TISI) ในเดือนมิถุนายน 2550 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 505 ตัวอย่าง ครอบคลุม 35 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมฯ ว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 80.9 จาก 86.1 ในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา และอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเดือนมิถุนายน 2549 ที่อยู่ในระดับ 87.9 ซึ่งความเชื่อมั่นที่ลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศปรับตัวลดลง โดยภายในประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ชะลอตัวทำให้ผู้บริโภคชะลอการบริโภคสินค้า (โดยเฉพาะสินค้าประเภทคงทน) ด้านต่างประเทศได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่องนับจากช่วงต้นปี (แข็งค่าร้อยละ 4) และเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ส่วนปริมาณการผลิตผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นที่ลดลงทั้งในปัจจุบันและอนาคตเป็นผลมาจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่ปรับตัวลดลงขณะที่ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นแต่ราคาขายไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นตามได้ทำให้ผลประกอบการปรับตัวลดลง
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเรียงตามลำดับคือ ปัจจัยด้านสถานการณ์ทางการเมือง ค่าเงินบาท ต้นทุนพลังงาน เศรษฐกิจ/กำลังซื้อ และต้นทุนวัตถุดิบ ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่เน้นตลาดส่งออกได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาทเป็นสำคัญ ขณะที่ผู้ประกอบการที่เน้นตลาดภายในประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติและกำลังซื้อทางเศรษฐกิจ
ความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาดกลางปรับตัวลดลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาท ขณะที่อุตสาหกรรมขนาดกลางได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านการเมืองเป็นสำคัญ ส่วนความเชื่อมั่นจำแนกตามภูมิภาคปรับตัวลดลงทุกภูมิภาค โดยภาคกลางและภาคตะวันออกความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองเป็นสำคัญ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง ส่วนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคใต้ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและค่าเงินบาทที่แข็งค่าเป็นสำคัญ
ด้านข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่า รัฐบาลควรเร่งสร้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภค และสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ ดูแลค่าเงินบาทมิให้แข็งค่าและมีเสถียรภาพ ส่งเสริมบรรยากาศทางการเมือง และกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน และเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและควรมีมาตรการส่งเสริมนักลงทุนไทยในต่างประเทศอย่างมีแบบแผน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โทร. 0-2345-1017 โทรสาร 0-2345-1295-9