ถิรไทย รุกหนักตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าพร้อมก้าวเป็นผู้นำตลาดหม้อแปลงขนาดใหญ่

ข่าวทั่วไป Monday March 26, 2007 11:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--โฟร์ฮันเดรท
ถิรไทย รุกตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าครบทุกขนาด ตั้งแต่หม้อแปลงไฟขนาดเล็ก ไปจนกระทั้งหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ แถมยังมีการผลิตหม้อแปลไฟฟ้าชนิดพิเศษตามคำสั่งของลูกค้าอุตสาหกรรม เตรียมขึ้นแท่นผู้ผลิตหม้อแปลงขนาดยักษ์ 300 MVA ของประเทศเป็นรายแรกภายในปี 2551 โกอินเตอร์ก้าวเป็นผู้นำและครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในประเทศบรูไน พร้อมแนะนักลงทุนให้ดูในระยะยาว
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทถิรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า "บริษัท ถิรไทย" เป็นบริษัทผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ารายที่สองที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ ที่เติบโตคู่กันมากับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของประเทศ จากผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายขนาดเล็ก หรือ distribution transformer ในอดีต จนกลายมาเป็นผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ หรือ power transformer ในปัจจุบัน ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 20% จากผู้ผลิตเพียง 3 รายในปัจจุบันเท่านั้น
ด้วยปีทีผ่านมา 2549 บริษัทมีรายได้รวม 1,657.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 566.28 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.91 ขณะที่มีค่าใช้จ่ายจากการขาย/ บริหาร 207.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.85 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.83 พร้อมกับมีภาระดอกเบี้ยจ่าย 37.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.9 ส่งผลให้ในปี 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิ 69.33 ล้านบาท หรือลดลงจากปีก่อน 8 ล้านบาท เพราะเนื่องจากวัตถุดิบได้ขยับตัวสูงขึ้น
การดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าของบริษัทว่า ปัจจุบันบริษัทมีการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ 3 ประเภทคือ 1)หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย (distribu tion transformer) หรือหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อใช้ในการปรับลดแรงดันไฟฟ้าที่ส่งผ่านมาตามสายระบบจำหน่าย (distribution line) มีแรงดันไฟฟ้าตามระบบไฟฟ้าเท่ากับ 11-33 กิโลวัตต์ ให้ลงมาอยู่ในระดับที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้า โดยหม้อแปลงไฟฟ้าประเภทนี้ บริษัท ถิรไทยผลิตอยู่ที่ 10 MVA ปัจจุบันมีผู้ผลิตหม้อแปลงประเภทนี้อยู่ประมาณ 20 รายในประเทศ มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 10
2)หม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง (power trans former) ใช้ในการปรับแรงดันไฟฟ้าที่ส่งมาจากแหล่งผลิตไฟฟ้า อาทิ โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ส่งกระแสไฟฟ้าผ่านไปตามสายส่งแรงสูง (transmis sion line) ให้ลดลงก่อนส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสายระบบจำหน่าย (distribution line) และส่งต่อไปยังผู้ใช้ โดยหม้อแปลงไฟฟ้าประเภทนี้ บริษัท ถิรไทยผลิตอยู่ที่มากกว่า 10 MVA จนถึง 300 MVA สามารถใช้ได้ตั้งแต่โรงผลิตไฟฟ้า-สถานีไฟฟ้าทั้งขนาดใหญ่/เล็ก ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าประเภทนี้เพียงแค่ 3 บริษัทคือ บริษัทถิรไทย-บริษัท ABB (สวีเดน) และบริษัทไดเฮน (ญี่ปุ่น) ทางบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณร้อยละ 30
และ 3)หม้อแปลงไฟฟ้าชนิดพิเศษ เป็นหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีการออกแบบและผลิตเป็นพิเศษตามการใช้งานและคุณสมบัติของลูกค้าที่กำหนด อาทิ หม้อแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป็นกระแสตรง ใช้ในอุตสาหกรรมเคมี หรือหม้อ แปลงไฟฟ้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลอมโลหะ หม้อแปลงประเภทนี้มีตลาดอยู่ประมาณ 3-4% ซึ่งบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดจากการเป็นผู้ผลิตเจ้าเดียวในประเทศ
"จุดเด่นของบริษัทก็คือ เราเป็นทั้งผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ผลิตทั้งหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย กับหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง และยังได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าในแง่ของผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าแบบพิเศษในตลาดบนด้วย เมื่อลูกค้าระดับบนเลือกให้เราเป็นผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าแบบพิเศษแล้ว ก็จะตัดสินใจซื้อหม้อแปลงไฟฟ้าแบบกำลัง/ระบบจำหน่ายควบคู่กันไป" นายสัมพันธ์กล่าว
ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายเพื่อทดแทนการนำเข้าไปถึง 100% จากผู้ผลิตภายในไม่ต่ำกว่า 20 บริษัท ส่วนหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง แม้จะมีการนำเข้าแต่ก็น้อยมาก เนื่องจากผู้ผลิตทั้ง 3 รายมีการผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศไปจนกระทั่งถึงส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ อาทิ ในกรณีของ ABB จากออสเตรเลีย กับบริษัทไดเฮนจากญี่ปุ่น
สำหรับลูกค้าของบริษัทถิรไทยนั้น นายสัมพันธ์กล่าวว่า สัดส่วนของลูกค้าจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ภาครัฐ 1 ส่วน เอกชนในประเทศ 1 ส่วน และส่งออกอีก 1 ส่วน ซึ่งลูกค้าภายในประเทศจะได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าทั้ง 3 การไฟฟ้า (กฟผ.-กฟน.-กฟภ.), ลูกค้าเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่และสั่งซื้อโดยตรง อาทิ เครือซิเมนต์ไทย-ปตท.-บ้านปู- ผาแดงฯ และกลุ่มผู้รับเหมาโครงการขนาดใหญ่ รวมไปถึงงานรับเหมาจัดหาและติดตั้งหม้อแปลง ไฟฟ้าในโครงการด้วย
ส่วนลูกค้าในต่างประเทศ บริษัทมีการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก โดยมีบริษัทตัวแทนจำหน่าย 2 แห่งในประเทศเวียดนามกับบรูไน คือ บริษัท Dai Hong Ha กับบริษัท Coris Trading โดยเน้นตลาดส่งออกทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนกับประเทศที่กำลังพัฒนา อย่างตลาดเอเชียตะวันออกเชียงใต้ เช่นประเทศเวียดนาม พม่า ลาว หรือ เอเชียใต้ เช่น เนปาล และศรีลังกา โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้ขยายตลาดไปประเทศเนปาล ซึ่งขณะนี้กำลังทำตลาดอยู่ ซึ่งในการทำตลาดในแต่ละครั้งคงต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี เป็นอย่างน้อยที่จะค่อย ๆ พัฒนาตลาดให้ดียิ่งขึ้น
"ในเวียดนามเราได้คู่ค้าที่ดี ทำให้หม้อแปลง ไฟฟ้าของถิรไทยมีโอกาสเติบโตตามการเติบโตทางเศรษฐกิจที่พุ่งสูงขึ้น ส่วนในบรูไนอาจจะกล่าวได้ว่า เราเป็นผู้ครองส่วนแบ่งตลาดเกือบทั้งหมด โดยหม้อแปลงไฟฟ้าที่เราผลิตส่งออก เราจะเน้นไปที่หม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง (power transformer) เพราะถือเป็นตลาดหลักของเรา เราไม่จำเป็นที่จะลงไปแข่งขันทางด้านราคากับหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ที่มีผู้ผลิตหลายรายมากกว่า"
โครงการในอนาคตนายสัมพันธ์กล่าวว่า บริษัทจะเพิ่มศักยภาพในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังจากขนาด 200 MVA ที่สามารถผลิตได้ในปัจจุบัน มาเป็นขนาด 300 MVA ภายในปี 2551 โครงการนี้บริษัทได้เตรียมทุนไว้แล้วประมาณ 50 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตประมาณ 8 % อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/2550 คาดว่ารายได้จะเติบโตระดับใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นการเติบโตที่มาจากรายได้ในประเทศ และต่างประเทศ และเป็นการรับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือ จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2550 ส่วนโปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างเสนอราคาและได้เสนอไปแล้ว และรอผลคิดเป็นมูลค่าประมาณ 400-500 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าน่าจะมีโอกาศปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วอยู่ที่ 4.18 % เนื่องจากราคาของวัตถุดิบหลักคือทองแดงมีแนวโน้มทรงตัวแกว่งตัวเล็กน้อย ซึ่งปัจจุบันราคาทองแดงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6,000 ดอลลาร์ต่อตัน โดยบริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 20-25 %
“ส่วนการทำตลาดในปีนี้ ทางบริษัทคงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าให้มากขึ้น เพราะสินค้าเป็นสินค้าที่มีอายุในการใช้งานยาวนาน เมื่อไหร่ที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้แล้วก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่ลูกค้าจะยอมรับในตัวสินค้า และบริการที่ทางเรามอบให้ และสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นผมอยากให้มองภาพตลาดในระยะยาว ไม่อยากให้มองแบบไตรมาสเพราะจะไม่เห็นผลมากนัก ตามที่กล่าวมาว่าในการผลิตหม้อแปลงในแต่ละครั้งจะต้องใช้ขั้นตอน และเวลาในการผลิตนานเป็นปีถึงจะเสร็จเรียบร้อย อยากให้มองภาพรวมของตลาดในแต่ละปีมากกกว่า” นายสัมพันธ์กล่าวปิดท้าย….
นำเสนอข่าวในนามบริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) โดยบริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด
รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง โทร. 02-3624123-4 หรือ 081-913-1291
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ