กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--
โครงการ “รวมพลังเยาวชน รู้รักสามัคคี เพื่อเมืองไทยแข็งแรง” เป็นการส่งเสริมเยาวชนให้มีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูปและขับเคลื่อนสังคมไทย ด้วยการเขียนโครงการส่งประกวด โดยมูลนิธิฯ เปิดตัวโครงการฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 ที่จังหวัดอุดรธานี มีตัวแทนเด็กและเยาวชนรวมพลังเดินรณรงค์พร้อมกับร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเวทีเสวนาหัวข้อ “จะส่งเสริมให้เยาวชนร่วมสร้างคุณธรรม ความสามัคคี และสันติประชาธิปไตยได้อย่างไร?” ที่โรงเรียนเทศบาล 6 เทศบาลนครอุดรธานี จากนั้นมูลนิธิฯ ได้เริ่มดำเนินกิจกรรมรวมพลังเยาวชนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายจากภาคอีสานตอนบนจำนวน 74 คน จากจังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่น จังวัดอุดรธานี จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดเลย และจังหวัดนครพนม มาเรียนรู้แบบบูรณาการอย่างสร้างสรรค์ให้ได้ฝึกหัดเขียนโครงการและนำไปต่อยอดทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม ตามแนวคิดของโครงการ คือ “จริยธรรมดี สามัคคีแน่น แม่นประชาธิปไตย ห่างไกลความรุนแรง” ในค่ายอบรมเชิงปฏิบัติการเพิ่มพูนทักษะพื้นฐานความเข้าใจใน 4 มิติ คือ ด้านจริยธรรม ด้านรู้รักสามัคคี ด้านประชาธิปไตย และ ด้านสันติวิธี เมื่อวันที่ 13-15 สิงหาคม 2553 ณ ศรีทองริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จังหวัดขอนแก่น โดยตั้งเป้าจัดกิจกรรมต่อเนื่องเฟ้นหาเยาวชนรู้รักสามัคคี จำนวน3,500 คนจาก 30 จังหวัด จนถึงเดือนเมษายน 2554
ด้าน เด็กหญิงอมรรัตน์ โคกชาย หรือ “ต๊อกแต๊ก” นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา โครงการพัฒนาเด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ. เวียงคุก (หนองคาย) เล่าถึงความรู้เพิ่มเติมจากการเข้าร่วมอบรมในค่ายครั้งนี้ทั้ง 4 ด้าน คือ ประชาธิปไตย ความสามัคคี สันติวิธี และด้านจริยธรรมซึ่งได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานจาก “พระมหาสมัย ผาสุโก” วิทยากรพิเศษพระนักพูดมือหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากที่สุด เช่น การฝึกตนให้มีวินัยและสามัคคีกัน รักษากฎ กติกา มารยาท
“จริยธรรมเริ่มจากตัวเองได้ ขอให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะถ้าเป็นคนคุยโว โอ้อวด ก็อาจทำให้เกิดความขัดแย้งและนำไปสู่ความรุนแรงได้ ส่วนเรื่องประชาธิปไตย ก็เกี่ยวเนื่องกับความสามัคคี วันนี้หนูได้รู้แล้วว่าการพูดคุยหรือความเห็นต่างไม่ใช่ความขัดแย้ง เพราะต่างคนก็ต่างมีความคิดในมุมมองของตัวเอง เพียงแต่ต้องไม่ใช้อารมณ์ พูดกันด้วยเหตุผล และหาข้อสรุปร่วมกัน”
ด้าน ผศ. ทวี สุรฤทธิกุล คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และ กรรมการหลักสูตรผู้นำทางการเมืองใหม่ หนึ่งในวิทยากรพิเศษซึ่งเข้าร่วมบรรยายให้ความรู้เบื้องต้นแก่เยาวชนเกี่ยวกับประชาธิปไตย เน้นกระบวนการจิตอาสาสมัคร เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นอย่างสนุกสนาน ให้ความคิดเห็นไว้ว่า เด็กๆ คืออนาคตของชาติ ดังนั้นความรู้พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ ควรสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนมีจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย
ค่ายสร้างนักปฏิรูปรุ่นเยาว์ครั้งนี้จึงมีเป้าหมายให้เยาวชนได้เรียนรู้และฝึกตนเองในคุณลักษณะ 3 รูปแบบ คือ ให้มีวินัยเป็นฐานพัฒนาชีวิต มีความประพฤติดี ทั้งกาย วาจาและใจ และให้มีการอบรมจิตตัวเอง ในด้านคุณธรรม มีเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตใจมุ่งมั่นแน่วแน่ มีความผิดชอบ ซึ่งจะนำไปสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี รวมถึงอีกข้อหนึ่ง คือส่งเสริมให้น้องๆ มีความสามารถในการใช้ปัญญา รู้จักคิด ทำความเข้าใจกับพฤติกรรมและจิตใจของตัวเอง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตในอนาคตต่อไป” ดร กรรณชฏา พิริยะรังสรรค์ กล่าว
หลังจากเข้าค่ายอบรมแล้วเยาวชนจะกลับไปชวนเพื่อนๆ มาร่วมเขียนโครงการที่เหมาะสมกับชุมชนของตนเอง และและนำส่งให้มูลนิธิพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อนำไปดำเนินการพัฒนาชุมชนต่อ โดยเยาวชนทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมของแต่ละกลุ่มจะมีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็น “สุดยอดเยาวชนรู้รักสามัคคี” ในแต่ละด้าน เพื่อเข้าพิธีรับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเดือนมิถุนายน 2554