ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๑๗) เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศลสถานพยาบาล และสถานศึกษา

ข่าวทั่วไป Friday September 28, 2018 14:34 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๑๗)

เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศลสถานพยาบาล และสถานศึกษา

ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร

และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔

ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕

___________________

ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจที่จะประกาศกำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรมในการพิจารณากำหนดดังกล่าว จึงปรับปรุงประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ และคุณสมบัติขององค์การหรือสถานสาธารณกุศล ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของ (๔) ของข้อ ๗ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๐๔) เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดองค์การสถานสาธารณกุศล สถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะต้องกระจายเป็นการทั่วไปตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า มูลนิธิต้องไม่มีรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะเพื่อประโยชน์แก่บุคคล คณะบุคคล หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเกินกว่าร้อยละ ๓๕ ของรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะทั้งสิ้นในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่เป็นรายจ่ายให้แก่สถานพยาบาลของทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล"

ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๔ และข้อ ๑๕ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๐๔) เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"ข้อ ๙ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาใดที่มิได้มีฐานะ เป็นนิติบุคคลจะไม่พิจารณาประกาศให้ เว้นแต่จะมีวัตถุประส่งค์และการดำเนินงานเช่นเดียวกับมูลนิธิ ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล จะพิจารณาประกาศให้เป็นราย ๆ ไป ในหลักเกณฑ์เดียวกัน

ข้อ ๑๐ มูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาใด ที่มีวัตถุประส่งค์และการดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อ ๓ ถึงข้อ ๙ จะไม่ประกาศให้ เว้นแต่

(๑) เป็นมูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาในพระบรมราชูปถัมภ์ พระบรมราชินูปถัมภ์ พระอุปถัมภ์ของพระบรมวงศานุวงศ์หรือพระสังฆราชูปถัมภ์ หรือมีบุคคลซึ่งได้รับเงินค่าใช้จ่ายในพระองค์จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป หรือสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์

(๒) เป็นมูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยธรรมชาติ การก่อการร้าย หรือเพื่อการศึกษาเป็นการทั่วไป

ข้อ ๑๑ มูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาที่ได้รับ การประกาศให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล เว้นแต่สภากาชาดไทย วัดวาอาราม และสถานพยาบาลหรือสถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล จะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้

(๑) ใบรับที่ออกให้แก่บุคคล คณะบุคคล หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งซึ่งบริจาคเงิน หรือทรัพย์สิน ให้ระบุลำดับที่ได้รับการประกาศด้วย

(๒) ส่งรายงานการประชุมให้ญ่ งบดุลและบัญชีรายได้รายจ่าย พร้อมทั้งรายงาน การดำเนินงานของกิจการ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาให้กรมสรรพากร ทราบภายใน ๑๕๐ วันนับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี โดยยื่นผ่านสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่มูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษานั้นตั้งอยู่

ข้อ ๑๒ มูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาใดที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและได้รับการประกาศให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลแล้ว ต่อมาได้มี การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขชื่อหรือวัตถุประส่งค์ต่อนายทะเบียน ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่อกรมสรรพากรภายใน ๖๐ วันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้น เว้นแต่กรณีมูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาซึ่งไม่ได้มีฐานะเป็นนิติบุคคลและ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขชื่อหรือวัตถุประส่งค์ ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขชื่อหรือวัตถุประส่งค์ต่อกรมสรรพากรภายใน ๖๐ วันนับแต่วันที่คณะกรรมการของมูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษานั้นได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงแก้ไข

ข้อ ๑๓ มูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาที่ได้รับ การประกาศให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลแล้ว ให้สำนักงานสรรพากรภาคที่องค์การหรือสถานสาธารณกุศลนั้นตั้งอยู่ ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน หากปรากฏว่า การดำเนินงานเข้าลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้แจ้งผลการตรวจสอบ ให้กรมสรรพากรทราบเพื่อพิจารณาเสนอกระทรวงการคลังเพิกถอนการประกาศต่อไป ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีถัดจากรอบระยะเวลาบัญชีที่ประกาศเพิกถอนในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

(๑) การดำเนินงานขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลไม่ตรงตามวัตถุประส่งค์ หรือมีวัตถุประส่งค์ หรือมีการใช้ชื่อองค์การหรือสถานสาธารณกุศลหรือการดำเนินงานของคณะกรรมการ ขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลเป็นไปเพื่อประโยชน์เฉพาะแก่บุคคล คณะบุคคล หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง

(๒) รายได้ขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลได้นำไปเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของรายได้ทั้งสิ้นใน ๓ รอบระยะเวลาบัญชีที่แล้วมา เว้นแต่รายได้เฉพาะดอกผลขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลได้นำไปเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของรายได้ดอกผลของใน ๓ รอบระยะเวลาบัญชีที่แล้วมา ทั้งนี้ เฉพาะกรณีตราสารจัดตั้งระบุว่า ให้นำดอกผลมาเป็นรายจ่ายเท่านั้น หรือกรณีมีเหตุจำเป็นต้องเก็บสะสมรายได้เพื่อดำเนินการ ตามโครงการตามวัตถุประส่งค์ขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลนั้น

(๓) รายได้ได้มาจากการซื้อขายหรือการให้บริการโดยมีค่าต่อบแทนเป็นปกติธุระ เว้นแต่ การซื้อขายหรือการให้บริการนั้นเกี่ยวของกับการศาสนา การศึกษา การสถานพยาบาล หรือการสังคมส่งเคราะห์ และไม่นำรายได้ดังกล่าวไปจ่ายในทางอื่น

(๔) รายจ่ายขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะน้อยกว่าร้อยละ ๖๕ ของรายจ่ายทั้งสิ้นในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี และรายจ่ายดังกล่าวได้นำไปเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะน้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของรายจ่ายทั้งสิ้นใน ๓ รอบระยะเวลาบัญชีที่แล้วมา เว้นแต่กรณีมีเหตุอันสมควร

(๕) รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลไม่กระจาย เป็นการทั่วไป

(๖) องค์การหรือสถานสาธารณกุศลไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑๑ หรือข้อ ๑๒ ข้อ ๑๔ องค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่ถูกเพิกถอนการประกาศแล้ว หากประส่งค์ จะข้อให้พิจารณาประกาศเป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลให้ม่ สามารถยื่นคำข้อได้เมื่อพ้น ๓ รอบระยะเวลาบัญชีนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีถัดจากรอบระยะเวลาบัญชีที่ประกาศเพิกถอน ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ ๑๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๕๓๑) เรื่อง หลักเกณฑ์ การพิจารณาประกาศกำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในกรณี ดังต่อไปนี้

(๑) การพิจารณาคำข้อของมูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาที่ได้ยื่นไว้ต่อกรมสรรพากรเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อข้อให้เสนอกระทรวงการคลังพิจารณาประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล และยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ

(๒) การดำเนินการตรวจสอบผลการดำเนินงานของมูลนิธิ องค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล หรือสถานศึกษาที่ได้รับการประกาศให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่ค้างอยู่ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ"

ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑

อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ