ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓๔๖) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์และผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถ

ข่าวทั่วไป Friday May 3, 2019 14:21 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓๔๖)

เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ย

เงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์และผลตอบแทนเงินฝาก

ตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์

________________

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๒ (๘) (ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ.๒๕๓๔ และตามความในข้อ ๒ (๓๘) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๓๙ (พ.ศ. ๒๕๖๑) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์ และผลตอบแทนเงินฝากที่ได้รับจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืน เมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์กับธนาคารในประเทศ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓๔๔) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์และผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์ ลงวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒

ข้อ ๒ ในประกาศนี้

"ดอกเบี้ย" หมายความว่า ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในประเทศ ที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์

"ผลตอบแทนเงินฝาก" หมายความว่า ผลตอบแทนเงินฝากธนาคารในประเทศ ที่ได้รับจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์

ข้อ ๓ ดอกเบี้ยและผลตอบแทนเงินฝากที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคานวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

(๑) ดอกเบี้ยและผลตอบแทนเงินฝากทุกบัญชีรวมกัน มีจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดปีภาษีนั้น

(๒) ชื่อบัญชีเงินฝากและเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรที่ใช้ในการเปิดบัญชีเงินฝากจะต้องเป็นของผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากนั้น

(๓) ผู้มีเงินได้ไม่ได้แจ้งธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากมิให้นำส่งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากให้กับกรมสรรพากร

(๔) เป็นดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝาก ที่กรมสรรพากรได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากนั้น จากธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากตามที่กำหนดในข้อ ๕

ข้อ ๔ กรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ประสงค์จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ให้แจ้งธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากเพื่อไม่ให้นำส่งข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากให้กับกรมสรรพากรตามข้อ ๕

ข้อ ๕ เว้นแต่กรณีตามข้อ ๔ เพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ของผู้มีเงินได้ ตามประกาศนี้ การส่งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากให้กับกรมสรรพากร ให้ธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากนำส่งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากทุกบัญชี ต่อกองเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสรรพากร โดยจัดทาขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามรูปแบบและนำส่งตามวิธีการที่กำหนดบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th

การนำส่งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากตามวรรคหนึ่ง ให้นำส่งภายในกำหนดเวลา ดังนี้

(๑) สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวกับการคานวณเพื่อจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากในครึ่งปีแรก โดยคานวณถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ให้นำส่งภายในวันที่ ๒๐ พฤษภาคมของปีนั้น

(๒) สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวกับการคานวณเพื่อจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากทั้งปี โดยคานวณถึงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ให้นำส่งภายในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายนของปีนั้น

(๓) สำหรับข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากในครึ่งปีแรก ซึ่งได้จ่ายก่อนหรือในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ให้นำส่งภายในเดือนกรกฎาคมของปีนั้น

(๔) สำหรับข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากทั้งปี ซึ่งได้จ่ายก่อนหรือในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ให้นำส่งภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป

ข้อ ๖ กรณีที่ผู้มีเงินได้ที่ได้รับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ ๓ ผู้มีเงินได้นั้นไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และให้ธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งตามมาตรา ๕๐ (๒) และมาตรา ๕๒ แห่งประมวลรัษฎากร หากธนาคารไม่ได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่ง ให้ธนาคารนำส่งภาษีที่ต้องนำส่งพร้อมกับเงินเพิ่มอีกร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของ เงินภาษีที่ต้องนำส่ง ตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)

อธิบดีกรมสรรพากร

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ