รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนพฤษภาคม 2550

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 4, 2007 13:48 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สรุปประเด็นสำคัญ ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนเมษายน 2550 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) = 152.04 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 (177.45) ร้อยละ 14.3 แต่เพิ่มขึ้น จากเดือนเดียวกันของปีก่อน (142.97) ร้อยละ 6.3 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2550 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ การผลิตยานยนต์ การผลิตน้ำตาล การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ - อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 60.91 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 (68.71) และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (63.57) ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2550 - อุตสาหกรรมอาหารคาดว่าการผลิตและการส่งออกจะยังคงชะลอตัว เป็นผลจากการชะลอรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เนื่องจากความกังวลในค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่การจำหน่ายสินค้าในประเทศมีแนวโน้มลดลงจากเดือนก่อนเนื่องจากประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอม - อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปจะขยายตัวในอัตราไม่มากนักตามกลไกการตลาด การส่งออกคาดว่าจะยังมีผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และการแข่งขันจากจีนและเวียดนามขณะที่การจำหน่ายในประเทศมีการใช้จ่ายไม่มากนักแม้ว่าจะเป็นช่วงการเปิดภาคเรียนใหม่ก็ตาม - อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์เหล็กในเดือนพฤษภาคม คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะยังคงทรงตัว โดยเป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศของอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ชะลอตัว ขณะที่เหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าทรงตัวเช่นกัน จากตลาดภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัวอยู่ ผู้ประกอบการจึงขยายตลาดไปยังต่างประเทศซึ่งยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง - อุตสาหกรรมยานยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2550 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณร้อยละ 50 และส่งออกร้อยละ 50 - อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2550 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศจะลดลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าหลัก คือ สหรัฐอเมริกา และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน - อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แนวโน้มของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคม ปี 2550 คาดว่า น่าจะคงปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างจากเดือนเมษายน 2550 เนื่องจากการผลิตเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าสินค้าในกลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นนั้น จะมีการขายในประเทศที่ทรงตัว เนื่องจากปีนี้หน้าฝนมาเร็ว แม้จะมีราคาถูกตามกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดและขาย แนวโน้มในตลาดส่งออกเครื่องปรับอากาศคาดว่าน่าจะส่งผลดีหลังจากวันที่ 1 กรกฏาคม 49 สำหรับมาตรการอียู RoHS เมื่อกลางปีที่แล้ว และตะวันออกกลางที่เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญมีทีท่าว่าจะไปได้ดี ทั้งนี้ขึ้นกับเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าเองด้วย ขณะที่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงมีสถานการณ์การผลิตและการขายในภาพรวมที่ดีและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกอาจขยายตัวบ้างแต่ยังไม่ร้อนแรงมากนัก โดยส่วนใหญ่จะขยายตัวได้ดีในช่วงหลังของปีอันเป็นช่วงสูงสุดของการผลิตและขาย อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ปี 2550 จะมีการขยายตัวโดยรวมประมาณ 8-10 % ตามสภาวะของตลาดโลก สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) มี.ค. 50 = 177.45 เม.ย. 50 = 152.04 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี ลดลง ได้แก่ - การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ - การผลิตยานยนต์ - การผลิตน้ำตาล - อัตราการใช้กำลังการผลิต มี.ค. 50 = 68.71 เม.ย. 50 = 60.91 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ - การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ1.อุตสาหกรรมอาหาร ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารคาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่อง ตามฤดูกาลและการแข็งค่าของเงินบาท สำ หรับการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอม 1. การผลิต ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 10.8 และ 19.6 โดยสินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังร้อยละ 22.1 ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 19.6 ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งร้อยละ14.1 สับปะรดกระป๋องร้อยละ 9.3 และกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 2.8 เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากโดยเปรียบเทียบกับปีก่อน ทำให้คำสั่งซื้อเริ่มชะลอตัวลงตามฤดูกาล ในส่วนการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ สินค้าอาหารสัตว์มีการผลิตลดลงร้อยละ 10.7 เนื่องจากวัตถุดิบราคาสูง และราคาจำหน่ายเนื้อสัตว์ลดลง ทำให้ปริมาณการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ เช่น สุกรและไก่เนื้อ ลดลง สำหรับน้ำตาลทรายอยู่ในช่วงปลายของฤดูกาลผลิต 49/50 โดยมีปริมาณอ้อยเข้าโรงงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 202.6 พิจารณาได้จากการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้นจากร้อยละ 2.5 ในปี 2549เป็นร้อยละ 7.4 ในปี 2550 2. การตลาด 1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร ไม่รวมน้ำตาล มีปริมาณจำหน่ายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 11.0เนื่องจากความกังวลในภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย 2) ตลาดต่างประเทศ การส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหาร(ไม่รวมน้ำตาลและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง) ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 2.1 และ 17.2 เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลงตามฤดูกาล ประกอบกับค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าในระดับสูง ทำให้สินค้าหลายรายการมีราคาเปรียบเทียบสูงขึ้น ประกอบกับของตลาดหลักของสินค้าอาหาร คือ สหรัฐ และยุโรป เศรษฐกิจมีทิศทางชะลอตัวลง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าสำคัญๆ ของไทย ได้แก่ ปลาทูน่ากระป๋อง และสับปะรดกระป๋อง มีมูลค่าลดลงร้อยละ 1.0 และ 5.4 ตามลำดับ 3. แนวโน้ม คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะยังคงชะลอตัว เป็นผลจากการชะลอรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เนื่องจากความกังวลในค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่การจำหน่ายสินค้าในประเทศมีแนวโน้มลดลงจากเดือนก่อนเนื่องจากประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอม2.อุตสาหกรรมน้ำตาล (มีนาคม) 1. น้ำตาลทราย 1.1 การผลิต ในเดือนมีนาคม 2550 มีการผลิตน้ำตาลทราย จำนวนทั้งสิ้น1,394,492.70 ตัน ในจำนวนนี้เป็นน้ำตาลทรายดิบ จำนวน 591,616.73 ตัน หรือ 42% ของผลผลิตน้ำตาลทั้งหมด ส่วนที่เหลือ เป็นน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 1.2 การบริโภค ในเดือนมีนาคม 2550 มีการบริโภคน้ำตาลทรายในประเทศจำนวน 210,282.11 ตัน เพิ่มขึ้น 25% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งมีการบริโภค จำนวน 168,401.65 ตัน สำหรับการบริโภคโดยรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2550 (3 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 560,731.03ตัน ลดลง 8% จากใน ช่วงเดียวกันของปี 2549 1.3 การส่งออก ในเดือนมีนาคม 2550 ประเทศไทยมีการส่งออกน้ำตาลจำนวน 512,761.37 ตัน เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่งออกได้จำนวน 311,959.27 ตันการส่งออกน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2550 (3 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,045,926.99 ตัน เป็นการส่งออกน้ำตาลทรายดิบ 469,092.53 ตัน หรือ 45% ของปริมาณการส่งออก ทั้งหมด โดยปริมาณการส่งออกในเดือนมีนาคมของปีนี้เพิ่มขึ้น 209% จากช่วงเดียวกันของปี 2549 1.4 การนำเข้า ในเดือนมีนาคม 2550 ไม่มีการนำเข้าน้ำตาลทรายจากต่างประเทศ ซึ่งปริมาณโควตานำเข้าน้ำตาลภายใต้กรอบ WTO ในปี 2550 จำนวน 13,760 ตัน อัตราภาษีนำเข้าในโควตา 65% ส่วนอัตราภาษีนอกโควตาอยู่ที่ 94% 2. กากน้ำตาล ในเดือนมีนาคม 2550 มีการผลิตกากน้ำตาล จำนวน 655,453.87 ตัน เพิ่มขึ้น 47% จากในช่วงเดียวกันของปี 2549 การส่งออกกากน้ำตาลในเดือนมกราคม 2550 มีจำนวน ทั้งสิ้น 32,106.64 ตัน ส่วนเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2550 ยังไม่ได้รับการรายงานจากกรมศุลกากร เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงพิกัดใหม่3. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ...การส่งออกคาดว่าจะยังมีผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และการแข่งขันจากจีนและเวียดนาม... 1. การผลิต การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มโดยรวมมีการผลิตที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยสินค้าที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนได้แก่ การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ ผ้าผืน ผ้าขนหนูและเครื่องนอน เสื้อผ้าสำเร็จรูปผลิตจากผ้าถักและผ้าทอ ลดลงร้อยละ 10.9, 16.6, 7.6 ,20.7 และ 12.1 ตามลำดับ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากทำให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลงตามฤดูกาล และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ และผ้าผืนมีการผลิตลดลงเนื่องจากมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ยกเว้นเพียงแต่การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักและผ้าทอ ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 และ 12.1 ตามลำดับเนื่องจากเป็นคำสั่งซื้อล่วงหน้าจากไตรมาสก่อนประกอบกับลูกค้าต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าไทย 2. การตลาด ตลาดในประเทศ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สิ่งทอฯ ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันกับปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ได้แก่เส้นใยสิ่งทอฯ ผ้าผืน ผ้าขนหนูและเครื่องนอน และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเนื่องจากการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคตลาดต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอส่งออกลดลงร้อยละ 19.0 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าผืน ด้ายและด้ายเส้นใยประดิษฐ์ เส้นใยประดิษฐ์ ผ้าปักและผ้าลูกไม้ ลดลงร้อยละ20.2, 20.7,13.7, 6.3 และ19.3 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนผลิตภัณฑ์สิ่งทอส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 6.8 สหภาพยุโรปร้อยละ 7.2และตลาดอาเซียนร้อยละ 15.6 3. แนวโน้ม คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปจะขยายตัวในอัตราไม่มากนักตามกลไกการตลาดการส่งออกคาดว่าจะยังมีผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และการแข่งขันจากจีนและเวียดนาม ขณะที่การจำหน่ายในประเทศมีการใช้จ่ายไม่มากนักแม้ว่าจะเป็นช่วงการเปิดภาคเรียนใหม่ก็ตาม4. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า กระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนประกาศขึ้นภาษีส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กจำนวน 83 รายการ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2550 โดยผลิตภัณฑ์ที่ปรับภาษีส่งออกขึ้น ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นเคลือบ ลวดเหล็ก เหล็กแผ่นไร้สนิม จาก ร้อยละ 0 เป็นร้อยละ 5 และ เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้าง จากร้อยละ 0 เป็น ร้อยละ 10 เป็นต้น 1.การผลิต ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน เม.ย. 50 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงร้อยละ 15.57 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 131.69 เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์ พบว่าผลิตภัณฑ์เหล็กทุกชนิดมีการผลิตที่ลดลง ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ลดลง ร้อยละ 24.09 โดยลวดเหล็ก ลดลง ร้อยละ 32.95 เหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลง ร้อยละ 25.45 เหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 23.78 เนื่องจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาขายในประเทศปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยอันเป็นผลมาจากต้องการใช้ในประเทศที่ชะลอตัวตามภาวะการก่อสร้างและเศรษฐกิจในประเทศ จึงทำให้โรงงานบางโรงงานได้หยุดการผลิตชั่วคราวในช่วงเดือนนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนลดลง ร้อยละ 10.60 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลง ร้อยละ 15.31 เนื่องจากผู้ผลิตได้ปรับลดการผลิตลงเนื่องจากยังคงมีสินค้าสำเร็จรูปคงเหลืออยู่ในสต๊อกเป็นปริมาณมาก ผู้ผลิตจึงผลิตเฉพาะคำสั่งซื้อที่เป็นสินค้าชนิดพิเศษ นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิต 1 โรงงานที่หยุดซ่อมบำรุงชั่วคราว ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนภาวะการผลิตชะลอตัวลง ร้อยละ 8.93 โดยเหล็กเส้นกลม ลดลง ร้อยละ 51.15 และเหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 26.78 2.ราคาเหล็ก การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2550 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กในกลุ่มเหล็กทรงแบนส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 508 เป็น 535 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.42 เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 547 เป็น 563 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.97 เหล็กแผ่นรีดเย็นจะมีราคาทรงตัวคือ 630 เหรียญสหรัฐต่อตัน สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวจะมีราคาที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดย เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลงจาก 540 เป็น 511 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 5.44 เหล็กเส้น ลดลงจาก 590 เป็น 576 เหรียญสหรัฐต่อตันลดลง ร้อยละ 2.23 ซึ่งการลดลงของราคาเหล็กเส้นในตลาด CIS เป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณการส่งออกของประเทศตุรกีและประเทศในแถบยุโรปเข้ามาในตลาดตะวันออกกลางและ อัฟริกาเหนือ ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิต CIS ปรับลดราคาลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด 3. แนวโน้ม สถานการณ์เหล็กในเดือน พ.ค. คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะยังคงทรงตัว โดยเป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศของอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ชะลอตัว ขณะเหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าทรงตัวเช่นกัน จากตลาดภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัวอยู่ ผู้ประกอบการจึงขยายตลาดไปยังต่างประเทศซึ่งยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง5. อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนเมษายน 2550 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ชะลอตัว ประกอบกับมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนเมษายน ดังนี้ - การผลิตรถยนต์ จำนวน 82,980 คัน ลดลงจากเดือน เมษายน 2549 ซึ่งมีการผลิต 85,166 คัน ร้อยละ 2.57 และลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ร้อยละ 25.75 - การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 49,658 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2549 ซึ่งมีการจำหน่าย 53,560 คันร้อยละ 7.29 และลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ร้อยละ 11.36 - การส่งออกรถยนต์ จำนวน 43,115 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2549 ซึ่งมีการส่งออก 35,972 คัน ร้อยละ 19.86 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ร้อยละ 28.40 เนื่องจากตลาดส่งออกหลัก เช่น ออสเตรเลียซาอุดีอาระเบีย มีการนำเข้ารถยนต์ทุกประเภทจากไทยลดลง - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2550 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณร้อยละ 50 และส่งออกร้อยละ 50 รถจักรยานยนต์ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนเมษายน 2550 การผลิตและการจำหน่ายในประเทศชะลอตัว เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว และในเดือนเมษายนมีวันหยุดหลายวัน แต่การส่งออกยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนเมษายน ดังนี้ - การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 108,217 คันลดลงจากเดือนเมษายน 2549 ซึ่งมีการผลิต 150,230 คันร้อยละ 27.97 และลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ร้อยละ 18.83 - การจำหน่าย จำนวน 121,568 คัน ลดลงจากเดือน เมษายน 2549 ซึ่งมีการจำหน่าย 148,242 คัน ร้อยละ 17.99และลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ร้อยละ 12.69 - การส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU) มีจำนวน 12,723 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2549 ซึ่งมีการส่งออก 8,657 คัน ร้อยละ 46.97 และเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2550 ร้อยละ 2.46 ตลาดส่งออกสำคัญที่มีอัตราการขยายสูง ได้แก่ สหราชอาณาจักร แคนาดา สาเหตุสำคัญที่ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในสหราชอาณาจักรมีการขยายตัวสูง ก็เนื่องจากรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่มีการปรับปรุงคุณภาพได้ตามมาตรฐานใหม่ของยุโรป ได้รับความนิยมมากขึ้น - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2550 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพราะในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ซึ่งในปีที่ผ่านๆ มามักจะมีปริมาณความต้องการรรถจักรยานยนต์ในช่วงนี้เพิ่มขึ้น6.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ “การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง สำหรับการส่งออกลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนลดลง” 1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ เดือนเมษายน 2550 เทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 8.81 และ 25.00 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ลดลงร้อยละ 9.48 และ 16.67 ตามลำดับเนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากการชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเพราะขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ 2.การส่งออก มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนเมษายน 2550 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 11.90 และ 12.78 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนลดลง 3.แนวโน้ม ในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2550 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศจะลดลงเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าหลัก คือ สหรัฐอเมริกา และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน7. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ - ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนเม.ย. 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 236.01 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.63 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.17 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ ได้แก่ HDD เป็นหลักตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน เม.ย. 2550 หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐเครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 1,062.98 -20.72 5.84IC 631.49 -25.90 23.26เครื่องปรับอากาศ 246.47 -26.32 24.09เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า 99.14 -29.05 9.13รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3,230.08 -23.03 5.69 ที่มา : สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 1.การผลิต ภาพรวม ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนเมษายน 2550 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 236.01 ลดลงร้อยละ 17.18 ขณะที่ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กลับขยายตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.63 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.17 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ HDD ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.46 เนื่องจากภาวะความต้องการของตลาดโลกค่อนข้างสูง แต่สภาพการแข่งขันสูงในตลาดทำให้มีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น ราคาตกลงมากอย่างเห็นได้ชัดเจนเพื่อรักษาส่วนแบ่งการครองตลาดคงเดิม นอกจากนี้ ภาพรวมการผลิต HDD ในประเทศไทย มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอีก เนื่องจากบริษัท HDD รายหนึ่ง ย้ายฐานการผลิต HDD 2.5 นิ้วและหัวอ่านมาไทยคาดว่าจะทำการผลิตประมาณไตรมาส 2 ปี 2551 ทำให้การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ หลังจากบริษัทคู่แข่งอีกแห่งได้เพิ่มกำลังการผลิตไปแล้วเมื่อปลายปี 2549 ซึ่งส่งผลดีกับการจัดการซัพพลายเชนที่สะดวกยิ่งขึ้น และใช้เวลาสั้นลง ใกล้กับแหล่งประกอบสินค้าสำเร็จรูปในจีน 2. การตลาด มูลค่าการส่งออกโดยรวมของสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในเดือนเมษายน 2550 พบว่าปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 23.03 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 5.69 มีมูลค่าส่งออก 3230.08 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าส่งออก1,182.77 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.36 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.30 ในสินค้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ โดยสินค้าที่ทำให้การส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ Integrated Circuit เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย โรงงาน มีมูลค่า 1,062.98 631.49 และ 246.47 ล้านเหรียญสหรัฐ 3. แนวโน้ม แนวโน้มของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนพ.ค.ปี2550 คาดว่าน่าจะคงปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างจากเดือนเม.ย. 2550 เนื่องจากการผลิตเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าสินค้าในกลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นนั้น จะมีการขายในประเทศที่ทรงตัว เนื่องจากปีนี้หน้าฝนมาเร็ว แม้จะมีราคาถูกตามกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดและขาย แนวโน้มในตลาดส่งออกเครื่องปรับอากาศคาดว่าน่าจะส่งผลดีหลังจากวันที่ 1 ก.ค. 49 สำหรับมาตรการอียู RoHS เมื่อกลางปีที่แล้วและตะวันออกกลางที่เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญมีทีท่าว่าจะไปได้ดี ทั้งนี้ขึ้นกับเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าเองด้วย ส่วนในกลุ่มของเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่นหม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน ชะลอตัวลงในช่วงหน้าร้อน และได้รับผลกระทบจากการแข่งขันในตลาดทำให้แนวโน้มราคาลดลงอีก สวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงมีสถานการณ์การผลิตและการขายในภาพรวมที่ดีและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกอาจขยายตัวบ้างแต่ยังไม่ร้อนแรงมากนัก โดยส่วนใหญ่ในช่วงหลังของปีอันเป็นช่วงสูงสุดของการผลิตและขาย อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ปี 2550 จะมีการขยายตัวโดยรวมประมาณ 8-10 % ตามสภาวะของตลาดโลก - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในเดือนเมษายน 2550 มีค่า 152.04 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 (177.45) ร้อยละ 14.3 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (142.97) ร้อยละ 6.3 - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือและสิ่งที่คล้ายกัน อานม้าและเครื่องเทียมลากอุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเมษายน 2550 มีค่า 60.91 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 (68.71) และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (63.57) - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ยกเว้นปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจน อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน เป็นต้น สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2550 - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2550 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 248 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 438 รายหรือน้อยกว่าร้อยละ -43.4 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 92,330.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2550 ซึ่งมีการลงทุน 11,544.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 669.8 แต่การจ้างงานรวมมีจำนวน 7,072 คน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 10,055 คน หรือลดลงร้อยละ -29.7 - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนเมษายน 2549 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 319 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ —22.3 และมีการจ้างงานลดลงจากเดือนเมษายน 2549 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 12,274 คน ร้อยละ -42.4 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2549 ซึ่งมีการลงทุน 9,998.14 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 823.5 (ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ