นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ระหว่างผู้บริหาร คต. และผู้นำเข้า — ส่งออกสินค้าเพื่อร่วมกันหารือถึงแนวทางและวิธีการในทางปฏิบัติของการทำการค้าแบบแลกเปลี่ยน(Barter Trade)จะช่วยลดการขาดดุลการค้าได้อย่างไร ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2548 ระหว่างเวลา 09.00 — 12.00 น. ณ ห้องประชุมกรมส่งเสริมการค้าส่งออก ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
การค้าแลกเปลี่ยนเป็นมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่จะนำมาใช้เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อันเนื่องมาจากการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ รัฐบาลจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade)โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธาน มีรองประธาน 4 ท่าน คือ รมว. พาณิชย์ รมว. เกษตรและสหกรณ์ รมว. คมนาคม และ รมว. พลังงาน และกรรมการต่าง ๆ คือ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อัยการสูงสุด ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่หลักในการพิจารณาแนวนโยบายและหลักการในการดำเนินการค้าแบบแลกเปลี่ยน ตลอดจนกำหนดกลุ่มสินค้าที่จะนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยน คณะกรรมการฯ ได้เสนอร่างประกาศฯ เรื่องแนวทางการดำเนินการค้าแบบแลกเปลี่ยนต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจใดที่มีโครงการจะนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศ จะต้องทำการจัดซื้อโดยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) คณะกรรมการฯ จะพิจารณากำหนดกรอบมูลค่า และสินค้าที่จะทำการแลกเปลี่ยน ระยะแรกจะเป็นสินค้าที่อยู่ในสต็อกของรัฐบาลก่อน ระยะต่อไปจะขยายไปเป็นสินค้าของภาคเอกชน ซึ่งจำเป็นต้องผ่านการบริหารจัดการโดยสมาคมผู้นำเข้า-ส่งออกสินค้านั้น ๆ
ส่วนผลการดำเนินงานการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) ที่มีการลงนามในสัญญาการซื้อตอบแทน สำหรับในปี 2545 ลงนามจำนวน 13 ฉบับ มูลค่า 6,463.23 ล้านบาท ปี 2546 จำนวน 28 ฉบับ มูลค่า 2,193.57 ล้านบาท ปี 2547 จำนวน 51 ฉบับ มูลค่า 19,056.05 ล้านบาท และในปี 2548 (ม.ค. — ก.ย.) จำนวน 23 ฉบับ มูลค่า 7,008.57 ล้านบาท
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
การค้าแลกเปลี่ยนเป็นมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่จะนำมาใช้เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อันเนื่องมาจากการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ รัฐบาลจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade)โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธาน มีรองประธาน 4 ท่าน คือ รมว. พาณิชย์ รมว. เกษตรและสหกรณ์ รมว. คมนาคม และ รมว. พลังงาน และกรรมการต่าง ๆ คือ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อัยการสูงสุด ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่หลักในการพิจารณาแนวนโยบายและหลักการในการดำเนินการค้าแบบแลกเปลี่ยน ตลอดจนกำหนดกลุ่มสินค้าที่จะนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยน คณะกรรมการฯ ได้เสนอร่างประกาศฯ เรื่องแนวทางการดำเนินการค้าแบบแลกเปลี่ยนต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจใดที่มีโครงการจะนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศ จะต้องทำการจัดซื้อโดยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) คณะกรรมการฯ จะพิจารณากำหนดกรอบมูลค่า และสินค้าที่จะทำการแลกเปลี่ยน ระยะแรกจะเป็นสินค้าที่อยู่ในสต็อกของรัฐบาลก่อน ระยะต่อไปจะขยายไปเป็นสินค้าของภาคเอกชน ซึ่งจำเป็นต้องผ่านการบริหารจัดการโดยสมาคมผู้นำเข้า-ส่งออกสินค้านั้น ๆ
ส่วนผลการดำเนินงานการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) ที่มีการลงนามในสัญญาการซื้อตอบแทน สำหรับในปี 2545 ลงนามจำนวน 13 ฉบับ มูลค่า 6,463.23 ล้านบาท ปี 2546 จำนวน 28 ฉบับ มูลค่า 2,193.57 ล้านบาท ปี 2547 จำนวน 51 ฉบับ มูลค่า 19,056.05 ล้านบาท และในปี 2548 (ม.ค. — ก.ย.) จำนวน 23 ฉบับ มูลค่า 7,008.57 ล้านบาท
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-