พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร วัน ศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2548 คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันที่ 12-18 สิงหาคม 2548 ระยะนี้ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนยังคงพาดผ่านภาคเหนือและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยเกือบตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อนึ่ง พายุดีเปรสชั่นในอ่าวตังเกี๋ยเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว ส่วนพายุโซนร้อน “ซันหวู่” ในทะเลจีนใต้ตอนบนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศจีนในแนวระหว่างเกาะไต้หวันกับฮ่องกงในวันที่ 13 ส.ค. # ข้อควรระวัง # ช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. มีฝนตกหนักถึงหนักมากซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะทางตะวันออกของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจาฝั่ง ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่างๆในระยะ7วันข้างหน้ามีดังนี้ เหนือ ลักษณะอากาศ # ช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 70-80% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งทางตะวันออกของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝน 70% ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 70% ผลกระทบต่อการเกษตร # บริเวณที่มีฝนตกทำให้อากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกลิ้นจี่ควรระวังและป้องกันการระบาดของ โรคราสีชมพู และโรคราสนิม ซึ่งจะทำให้ใบและยอดแห้งตาย ต้นชะงักการเจริญเติบโต หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรตัดส่วนที่เป็นโรคไปทำลาย และตัดแต่งกิ่งให้โปร่งเพื่อลดความชื้นบริเวณทรงพุ่ม ตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะอากาศ # ช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 70-80% ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 70% ผลกระทบต่อการเกษตร # ในช่วงที่มีฝนตก ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคไหม้ และหนอนกระทู้ ซึ่งจะทำให้ข้าวเสียหาย ต้นชะงักการเจริญเติบโต ดังนั้นจึงควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบการระบาดของโรคและศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด นอกจากนี้ควรกำจัดวัชพืช เพื่อไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนและเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช กลาง ลักษณะอากาศ มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ในช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 65% ผลกระทบต่อการเกษตร # บริเวณที่มีฝนตก โดยเฉพาะทางด้านตะวันตกของภาค เกษตรกรที่ปลูกกล้วยไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรคเน่าดำ โรคดอกสนิม และโรคเน่าเละ ซึ่งมักระบาดในช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง ทำให้ใบ ต้นและดอกเสียหาย หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรตัดส่วนที่เป็นโรคไปกำจัด และแยกกระถางที่เป็นโรคออกจากโรงเรือนเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่นๆ ตะวันออก ลักษณะอากาศ # มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด ในช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝน 40% ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 70% ผลกระทบต่อการเกษตร บริเวณที่มีฝนตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคเส้นดำ โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า ซึ่งจะทำให้หน้ายางเสียหาย ใบร่วงหล่น หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรรีบกำจัด และเก็บใบที่ร่วงหล่นไปทำลาย ใต้ ลักษณะอากาศ # ฝั่งตะวันออกช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นมีฝนฟ้าคะนอง 30-50% ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. # ฝั่งตะวันตกช่วงวันที่ 13-15 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ต่อจากนั้นมีฝนฟ้าคะนอง 30-50% ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95% ตอนบ่าย 65% ผลกระทบต่อการเกษตร ชาวสวนลองกองควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคผลเน่า ผีเสื้อมวนหวาน และโรคราสีชมพูซึ่งจะทำให้ผลเน่าและร่วงหล่น หากพบการระบาดของโรคและศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด โดยเก็บผลที่ร่วงหล่นไปทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74-สส-