ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ผลประกอบการของ ธพ.ไทย 11 แห่ง ในไตรมาส 3 ปี 46 ขาดทุน 3,757.24 ล้านบาท ผลประกอบการของ ธพ.
ไทยทั้งระบบจำนวน 11 แห่ง จากทั้งหมด 13 แห่งในไตรมาส 3 ปี 46 ขาดทุน 3,757.24 ล้านบาท หากเทียบกับระยะเดียวกัน
ของปีก่อนที่มีกำไร 6,506.28 ล้านบาท โดย ธ.ทหารไทยขาดทุนมากที่สุด เนื่องจากตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจาก
ขายบรรษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท รองลงมาคือ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ ส่วนธนาคารที่มีกำไร คือ ธ.กรุงเทพ ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงไทย
และ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้งระบบประจำไตรมาส 3 ปี 46 พบว่า
ธนาคารส่วนใหญ่เอ็นพีแอลลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยทั้งระบบ 9 ธนาคารมีเอ็นพีแอลจำนวน 398,046.21 ล้านบาท ลดลง
10,869.13 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.65 (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. นิวซีแลนด์ แคนาดา และออสเตรเลียเสนอการทำความร่วมมือเอฟทีเอกับไทย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิด
เผยภายหลังการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ (นางเฮเลน คลาร์ก) ว่า ทางนิวซีแลนด์เสนอให้มีการจัดทำความร่วมมือทาง
เศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น (Closer Economic Partnership :CEP) กับไทยก่อนที่จะไปสู่การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟที
เอ) ระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ ให้เสร็จสิ้นก่อนการประชุมเอเปค 2547 ที่ชิลีในเดือน พ.ย. เนื่องจากนิวซีแลนด์ได้ทำข้อตกลงดัง
กล่าวกับสิงคโปร์แล้วและกำลังเจรจากับ สรอ. เกาหลีใต้ ชิลี และฮ่องกง นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีแคนาดา (นาย
ฌอง เครเตียง) ได้ยื่นข้อเสนอการทำเอฟทีเอกับไทย เพื่อช่วยให้ไทยสามารถส่งสินค้าไปขายกับ สรอ.และเม็กซิโกได้ ขณะเดียวกัน
นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย (นายจอนห์น โฮเวิร์ด) ก็แสดงความมั่นใจว่า การทำเอฟทีเอกับไทยที่จะมีการลงนามอย่างเป็นทาง
การในต้นปีหน้า จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ไวน์ ผลิตภัณฑ์นม เนื้อวัว เนื้อสุกร ตลาดจนอุตสาหกรรมหลักประเภทอื่น ๆ ของ
ออสเตรเลีย อาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจออสเตรเลียให้ขยายตัวคิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 3 พัน ล.ดอลลาร์ออสเตรเลีย (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
3. ไทยตั้งเป้าหมายขยายการค้ากับรัสเซียเพิ่มปีละ 1,500-2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. รมว.ก.พาณิชย์ เปิดเผยภาย
หลังการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้ารัสเซีย (นายคาร์ราสติน วราดิเมีย) ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงให้มีการ
ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น จากเดิมที่เป็นความร่วมมือในกรอบทั่วไปที่รวมทุกเรื่อง แต่ในอนาคตจะก้าวไปสู่
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้จะมีการลงนามกรอบความร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดในด้านการค้า โดยยอดการค้ารวม 2
ประเทศ ขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากเฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตั้งเป้าหมายว่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 1,500-2,000
ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยฝ่ายไทยพร้อมให้การสนับสนุนรัสเซียเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกตามที่ขอให้ช่วยสนับสนุนด้วย (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
4. สศช.เสนอรัฐบาลฟื้นฟูการลงทุนโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 5 แสนล้านบาท เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลว่า ขณะนี้ สศช.กำลังศึกษาและทบทวน
ระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด อาทิ น้ำ ไฟฟ้า คมนาคม และขนส่ง ซึ่งจะพิจารณาในระยะ 10-20 ปีล่วงหน้า โดยอาจต้องว่า
จ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำแผนการลงทุนทั้งหมดอีกครั้ง เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวสูงมาก การส่ง
ออกอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าของปัจจุบัน เนื่องจากมีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับหลายประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าต่อเนื่องหลังจาก รมว.คลัง สรอ.กล่าวว่าไม่ต้องการให้ค่าเงินอ่อน รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 21 ต.ค. 46 ภายหลังที่นาย John Snow รมว. คลังสรอ. กล่าวว่าไม่ต้องการให้เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่า ส่งผลให้ค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 20 ก.ย. กลุ่ม G7 ได้เรียกร้องให้ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
แบบยืดหยุ่น รวมทั้งไม่เห็นด้วยที่ญี่ปุ่นใช้ความพยายามให้เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงโดยเงินเยนมีค่า
110.27-110.30 เยนต่อดอลลาร์ สรอ.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นดอลลาร์แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1 จากที่เคย
มีค่าต่ำกว่า 109 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. เช่นเดียวกับค่าเงินยูโรที่มีค่าประมาณ 1.1620 — 1.1625 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร แม้ว่า
จะลดแรงกดดันที่มีต่อดอลลาร์สรอ. ซึ่งอ่อนตัวลงเกือบร้อยละ 9 นับจากกลางเดือน ก.ย. 46 เหลือเพียง 108.25 เยนทำสถิติต่ำ
สุดในรอบ 3 ปี เจ้าหน้าที่ค้าเงินที่ ธพ. ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นกล่าวว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนผู้ส่งออกญี่ปุ่นสามารถ
ซื้อสัญญา forward ที่อัตราแลกเปลี่ยน 110 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. ในระยะ 3 เดือนด้วยอัตรา discount ประมาณ 0.3 เยน
(รอยเตอร์)
2. ธ.กลางจีนยังคงยืนยันใช้นโยบายการเงินและตลาดเงินตราที่มีเสถียรภาพ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 21 ต.ค. 46
ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (Zhou Xiaochuan) กล่าวว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายที่จะรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน (Reminbi)
โดยผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวย้ำในการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาถึงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้มา
อย่างยาวนาน โดยจีนจะคงตรึงค่าเงินของจีนไว้กับดอลลาร์ สรอ.ต่อไป แต่อาจจะใช้วิธีการทางเทคนิคและเครื่องมือต่าง ๆ เข้า
ช่วยเพื่อทำให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับที่เหมะสม นอกจากนี้จะใช้นโยบายการกำกับและตรวจสอบที่เข้มแข็งในตลาดทองคำ
อัตราแลกเปลี่ยน และตลาดเงิน รวมทั้งจะติดตามการเคลื่อนไหวด้านความเสี่ยงในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เงินหยวน
ได้แข็งค่าอยู่ในช่วง 8.2760-8.2800/ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งกลายเป็นประเด็นสำคัญทางการเมือง และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการ
ว่างงานใน สรอ. ที่ทำให้ สรอ. กล่าวโทษที่ค่าเงินของจีนว่าต่ำกว่าความเป็นจริง และกดดันให้จีนปรับค่าเงินให้สูงขึ้น (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะเปิดเสรีการค้าต่อกันภายในปี 48 รายงานจากกรุงเทพฯ เมื่อ 20 ต.ค.46 ในระหว่างการ
ประชุมเอเปคที่กรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นและประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะเปิดเสรีการค้าต่อกันภายในปี 48 ซึ่งจะ
ช่วยเพิ่มการค้า การลงทุน ความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศซึ่งมีประชากรรวมกัน 170 ล้านคนและมีผลผลิต
รวมในประเทศรวมกันปีละ 5 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากที่การเจรจาการค้าแบบหลายฝ่ายมักจะไม่คืบหน้า โดยมีตัวอย่างความ
ล้มเหลวของการเจรจาการค้าโลกที่ประเทศเม็กซิโกเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นหันมาให้ความสนใจการเจรจา
แบบทวิภาคีมากขึ้น โดยที่ในปัจจุบันทั้ง 2 ประเทศต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 3 ของแต่ละประเทศ โดยในปี 45 เกาหลีใต้ขาด
ดุลการค้ากับญี่ปุ่นจำนวน 14.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และคาดว่าการขาดดุลจะเพิ่มขึ้นหากมีการเปิดเสรีการค้าต่อกัน แต่ผลการ
ศึกษาของผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการเปิดเสรีการค้ากับญี่ปุ่นจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของเกาหลีใต้ในระยะยาว สินค้าหลักที่เกาหลีใต้ส่ง
ออกไปยังญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับที่ 3 รองจากจีนและ สรอ. คือ เซมิคอนดัคเตอร์ ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง และคอมพิวเตอร์ (
รอยเตอร์)
4. ไตรมาสที่ 3 ปี 46 คาดว่าราคาที่อยู่อาศัยของอังกฤษจะเพิ่มขึ้น รายงานจากลอนดอนเมื่อ 21 ต.ค.46 The
Royal Institute of Chartered Surveyors (RICS) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิก พบว่า สมาชิกร้อยละ
34 คาดว่า ราคาที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 46 จะเพิ่มขึ้น จากเดือน ส.ค.46 ที่มีความเห็นเพียงร้อยละ 9 โดยเป็นการเพิ่ม
ขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักนับตั้งแต่เดือน ม.ค.46 สะท้อนถึงการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยต่ำและการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจเป็นผลให้มีจำนวนผู้ซื้อที่อยู่อาศัยสอบถามข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.42 และทำให้จำนวนที่อยู่อาศัย
ในตลาดลดลงในช่วง 4 เดือน ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัย โดยสมาชิกร้อยละ 43
คาดว่าราคาที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 46 อย่างไรก็ตาม รายงานของ RICS ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดที่อยู่อาศัย
อาจจะชะลอลงอีกครั้ง เนื่องจากคาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปี 46 หลังจากที่มีการปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 48 ปีที่ระดับร้อยละ 3.5 ในเดือน ก.ค.46 จากการที่ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษได้กล่าวในสัปดาห์
ก่อนว่า อัตราดอกเบี้ยจะไม่คงอยู่ที่ระดับต่ำตลอดไป พร้อมทั้งกล่าวเตือนว่า ความแข็งแกร่งของตลาดที่อยู่อาศัยและการเพิ่มขึ้นของ
ระดับสินเชื่อ จะเพิ่มความเสี่ยงที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะปรับตัวอย่างรุนแรง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21/10/46 20/10/46 27/12/45 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.918 43.24 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.7085/39.9974 42.9993/43.3039 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.25 1.8750-1.9375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 592.78/ 23.80 356.48/3.27 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) n.a. n.a. 7,000/7,100 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.16 26.99 27.65 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม 30 ส.ต./ลิตร เมื่อ 18 ต.ค. 46 16.69*/14.09* 16.69*/14.09* 16.19/14.29 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ผลประกอบการของ ธพ.ไทย 11 แห่ง ในไตรมาส 3 ปี 46 ขาดทุน 3,757.24 ล้านบาท ผลประกอบการของ ธพ.
ไทยทั้งระบบจำนวน 11 แห่ง จากทั้งหมด 13 แห่งในไตรมาส 3 ปี 46 ขาดทุน 3,757.24 ล้านบาท หากเทียบกับระยะเดียวกัน
ของปีก่อนที่มีกำไร 6,506.28 ล้านบาท โดย ธ.ทหารไทยขาดทุนมากที่สุด เนื่องจากตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจาก
ขายบรรษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท รองลงมาคือ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ ส่วนธนาคารที่มีกำไร คือ ธ.กรุงเทพ ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงไทย
และ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้งระบบประจำไตรมาส 3 ปี 46 พบว่า
ธนาคารส่วนใหญ่เอ็นพีแอลลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยทั้งระบบ 9 ธนาคารมีเอ็นพีแอลจำนวน 398,046.21 ล้านบาท ลดลง
10,869.13 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.65 (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. นิวซีแลนด์ แคนาดา และออสเตรเลียเสนอการทำความร่วมมือเอฟทีเอกับไทย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิด
เผยภายหลังการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ (นางเฮเลน คลาร์ก) ว่า ทางนิวซีแลนด์เสนอให้มีการจัดทำความร่วมมือทาง
เศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น (Closer Economic Partnership :CEP) กับไทยก่อนที่จะไปสู่การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟที
เอ) ระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ ให้เสร็จสิ้นก่อนการประชุมเอเปค 2547 ที่ชิลีในเดือน พ.ย. เนื่องจากนิวซีแลนด์ได้ทำข้อตกลงดัง
กล่าวกับสิงคโปร์แล้วและกำลังเจรจากับ สรอ. เกาหลีใต้ ชิลี และฮ่องกง นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีแคนาดา (นาย
ฌอง เครเตียง) ได้ยื่นข้อเสนอการทำเอฟทีเอกับไทย เพื่อช่วยให้ไทยสามารถส่งสินค้าไปขายกับ สรอ.และเม็กซิโกได้ ขณะเดียวกัน
นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย (นายจอนห์น โฮเวิร์ด) ก็แสดงความมั่นใจว่า การทำเอฟทีเอกับไทยที่จะมีการลงนามอย่างเป็นทาง
การในต้นปีหน้า จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ไวน์ ผลิตภัณฑ์นม เนื้อวัว เนื้อสุกร ตลาดจนอุตสาหกรรมหลักประเภทอื่น ๆ ของ
ออสเตรเลีย อาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจออสเตรเลียให้ขยายตัวคิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 3 พัน ล.ดอลลาร์ออสเตรเลีย (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
3. ไทยตั้งเป้าหมายขยายการค้ากับรัสเซียเพิ่มปีละ 1,500-2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. รมว.ก.พาณิชย์ เปิดเผยภาย
หลังการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้ารัสเซีย (นายคาร์ราสติน วราดิเมีย) ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงให้มีการ
ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น จากเดิมที่เป็นความร่วมมือในกรอบทั่วไปที่รวมทุกเรื่อง แต่ในอนาคตจะก้าวไปสู่
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้จะมีการลงนามกรอบความร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดในด้านการค้า โดยยอดการค้ารวม 2
ประเทศ ขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากเฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตั้งเป้าหมายว่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 1,500-2,000
ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยฝ่ายไทยพร้อมให้การสนับสนุนรัสเซียเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกตามที่ขอให้ช่วยสนับสนุนด้วย (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
4. สศช.เสนอรัฐบาลฟื้นฟูการลงทุนโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 5 แสนล้านบาท เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลว่า ขณะนี้ สศช.กำลังศึกษาและทบทวน
ระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด อาทิ น้ำ ไฟฟ้า คมนาคม และขนส่ง ซึ่งจะพิจารณาในระยะ 10-20 ปีล่วงหน้า โดยอาจต้องว่า
จ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำแผนการลงทุนทั้งหมดอีกครั้ง เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวสูงมาก การส่ง
ออกอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าของปัจจุบัน เนื่องจากมีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับหลายประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าต่อเนื่องหลังจาก รมว.คลัง สรอ.กล่าวว่าไม่ต้องการให้ค่าเงินอ่อน รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 21 ต.ค. 46 ภายหลังที่นาย John Snow รมว. คลังสรอ. กล่าวว่าไม่ต้องการให้เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่า ส่งผลให้ค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 20 ก.ย. กลุ่ม G7 ได้เรียกร้องให้ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
แบบยืดหยุ่น รวมทั้งไม่เห็นด้วยที่ญี่ปุ่นใช้ความพยายามให้เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงโดยเงินเยนมีค่า
110.27-110.30 เยนต่อดอลลาร์ สรอ.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นดอลลาร์แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1 จากที่เคย
มีค่าต่ำกว่า 109 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. เช่นเดียวกับค่าเงินยูโรที่มีค่าประมาณ 1.1620 — 1.1625 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร แม้ว่า
จะลดแรงกดดันที่มีต่อดอลลาร์สรอ. ซึ่งอ่อนตัวลงเกือบร้อยละ 9 นับจากกลางเดือน ก.ย. 46 เหลือเพียง 108.25 เยนทำสถิติต่ำ
สุดในรอบ 3 ปี เจ้าหน้าที่ค้าเงินที่ ธพ. ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นกล่าวว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนผู้ส่งออกญี่ปุ่นสามารถ
ซื้อสัญญา forward ที่อัตราแลกเปลี่ยน 110 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. ในระยะ 3 เดือนด้วยอัตรา discount ประมาณ 0.3 เยน
(รอยเตอร์)
2. ธ.กลางจีนยังคงยืนยันใช้นโยบายการเงินและตลาดเงินตราที่มีเสถียรภาพ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 21 ต.ค. 46
ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (Zhou Xiaochuan) กล่าวว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายที่จะรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน (Reminbi)
โดยผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวย้ำในการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาถึงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้มา
อย่างยาวนาน โดยจีนจะคงตรึงค่าเงินของจีนไว้กับดอลลาร์ สรอ.ต่อไป แต่อาจจะใช้วิธีการทางเทคนิคและเครื่องมือต่าง ๆ เข้า
ช่วยเพื่อทำให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับที่เหมะสม นอกจากนี้จะใช้นโยบายการกำกับและตรวจสอบที่เข้มแข็งในตลาดทองคำ
อัตราแลกเปลี่ยน และตลาดเงิน รวมทั้งจะติดตามการเคลื่อนไหวด้านความเสี่ยงในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เงินหยวน
ได้แข็งค่าอยู่ในช่วง 8.2760-8.2800/ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งกลายเป็นประเด็นสำคัญทางการเมือง และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการ
ว่างงานใน สรอ. ที่ทำให้ สรอ. กล่าวโทษที่ค่าเงินของจีนว่าต่ำกว่าความเป็นจริง และกดดันให้จีนปรับค่าเงินให้สูงขึ้น (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะเปิดเสรีการค้าต่อกันภายในปี 48 รายงานจากกรุงเทพฯ เมื่อ 20 ต.ค.46 ในระหว่างการ
ประชุมเอเปคที่กรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นและประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะเปิดเสรีการค้าต่อกันภายในปี 48 ซึ่งจะ
ช่วยเพิ่มการค้า การลงทุน ความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศซึ่งมีประชากรรวมกัน 170 ล้านคนและมีผลผลิต
รวมในประเทศรวมกันปีละ 5 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากที่การเจรจาการค้าแบบหลายฝ่ายมักจะไม่คืบหน้า โดยมีตัวอย่างความ
ล้มเหลวของการเจรจาการค้าโลกที่ประเทศเม็กซิโกเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นหันมาให้ความสนใจการเจรจา
แบบทวิภาคีมากขึ้น โดยที่ในปัจจุบันทั้ง 2 ประเทศต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 3 ของแต่ละประเทศ โดยในปี 45 เกาหลีใต้ขาด
ดุลการค้ากับญี่ปุ่นจำนวน 14.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และคาดว่าการขาดดุลจะเพิ่มขึ้นหากมีการเปิดเสรีการค้าต่อกัน แต่ผลการ
ศึกษาของผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการเปิดเสรีการค้ากับญี่ปุ่นจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของเกาหลีใต้ในระยะยาว สินค้าหลักที่เกาหลีใต้ส่ง
ออกไปยังญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับที่ 3 รองจากจีนและ สรอ. คือ เซมิคอนดัคเตอร์ ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง และคอมพิวเตอร์ (
รอยเตอร์)
4. ไตรมาสที่ 3 ปี 46 คาดว่าราคาที่อยู่อาศัยของอังกฤษจะเพิ่มขึ้น รายงานจากลอนดอนเมื่อ 21 ต.ค.46 The
Royal Institute of Chartered Surveyors (RICS) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิก พบว่า สมาชิกร้อยละ
34 คาดว่า ราคาที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 46 จะเพิ่มขึ้น จากเดือน ส.ค.46 ที่มีความเห็นเพียงร้อยละ 9 โดยเป็นการเพิ่ม
ขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักนับตั้งแต่เดือน ม.ค.46 สะท้อนถึงการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยต่ำและการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจเป็นผลให้มีจำนวนผู้ซื้อที่อยู่อาศัยสอบถามข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.42 และทำให้จำนวนที่อยู่อาศัย
ในตลาดลดลงในช่วง 4 เดือน ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัย โดยสมาชิกร้อยละ 43
คาดว่าราคาที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 46 อย่างไรก็ตาม รายงานของ RICS ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดที่อยู่อาศัย
อาจจะชะลอลงอีกครั้ง เนื่องจากคาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปี 46 หลังจากที่มีการปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 48 ปีที่ระดับร้อยละ 3.5 ในเดือน ก.ค.46 จากการที่ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษได้กล่าวในสัปดาห์
ก่อนว่า อัตราดอกเบี้ยจะไม่คงอยู่ที่ระดับต่ำตลอดไป พร้อมทั้งกล่าวเตือนว่า ความแข็งแกร่งของตลาดที่อยู่อาศัยและการเพิ่มขึ้นของ
ระดับสินเชื่อ จะเพิ่มความเสี่ยงที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะปรับตัวอย่างรุนแรง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21/10/46 20/10/46 27/12/45 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.918 43.24 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.7085/39.9974 42.9993/43.3039 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.25 1.8750-1.9375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 592.78/ 23.80 356.48/3.27 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) n.a. n.a. 7,000/7,100 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.16 26.99 27.65 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม 30 ส.ต./ลิตร เมื่อ 18 ต.ค. 46 16.69*/14.09* 16.69*/14.09* 16.19/14.29 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-