สาร ส.ส. ฉบับที่ ๕๕ วันที่ ๑๙-๒๕ มกราคม ๒๕๔๗

ข่าวการเมือง Monday January 19, 2004 10:50 —รัฐสภา

= ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับ พ.ร.บ.มหาวิทยาลับราชภัฏ วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุมร่วมกันของประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ประธานคณะ กรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ทุกคณะ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสถาบันราชภัฏ (ฉบับที่) พ.ศ. …. เป็นครั้งที่ ๒ ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข ๒๑๓-๒๑๖ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๒= ให้การรับรองรองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติของจีน วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๕.๔๕ นาฬิกา นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธาน สภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง และนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันให้การรับรอง นายอับดุลลาฮัต อับดูริซิต รองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย ณ ห้องรับรอง ๑ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๑ นายสุชาติ ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้ให้การต้อนรับนายอับดุลลาฮัต และคณะ พร้อมทั้งกล่าวถึงการเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ตรงกับช่วงของการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงทำให้ไม่มีโอกาสได้นำชมการประชุมสภาฯ นอกจากนั้นได้กล่าวถึงการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในการไปเยือนครั้งนั้นได้มีโอกาสเข้าพบนายอู๋ ปางกั๋ว ประธานสภาฯ และได้ไปเยี่ยมชมมณฑลเฮอเป่ย ซึ่งเป็นเมืองที่น่าสนใจ และมีการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมรวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเมื่อกลับมาถึงเมืองไทยยังได้แนะนำให้นักธุรกิจไทยเดินทางไปศึกษาเพื่อหาลู่ทางด้านการค้าต่อไป= เก็บตก "งานวันเด็กแห่งชาติของรัฐสภา ปี ๒๕๔๗" การจัดงานวันเด็กแห่งชาติของรัฐสภา ประจำปี ๒๕๔๗ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๗ มีเด็ก เยาวชน และผู้ปกครองมาร่วมงานกว่า ๕๐,๐๐๐ คน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสนใจของผู้เข้าชมที่มีต่อสถาบันนิติบัญญัติ ด้วยฐานะเป็นหนึ่งในสามสถาบันหลักของประเทศ จากบรรยากาศงานประจำปีนี้มีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "เด็ก" ซึ่งส่วนใหญ่มีความสนใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของไทย หลายคนโตขึ้นอยากเป็นนายกรัฐมนตรี หรือนักการเมือง กรณีเด็กชายสมิธ ชีวะวุมิวัฒนวิทย์ อายุ ๙ ขวบ นักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พูดถึงการมาเที่ยวงานวันเด็กของรัฐสภาว่า มีความประทับใจตื่นเต้นที่ได้ชมห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการจัดลำดับที่นั่งบุคคลสำคัญไว้ภายในอย่างเป็นระเบียบ การจัดกิจกรรมมากกว่าที่คิดเอาไว้ สำหรับหนูน้อยคนนี้มีลักษณะพิเศษ คือ เป็นเด็กที่มีความสนใจเรื่องการเมืองมาตั้งแต่อายุ ๕ ขวบ เพราะชอบดูข่าวจากโทรทัศน์ เล่นอินเตอร์เน็ต และการสอบถามคุณพ่อ-คุณแม่ เมื่อเกิดข้อคำถามที่ตนเองสงสัย โดยเฉพาะนโยบายการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังสามารถอธิบายประวัติประธานรัฐสภาที่ผ่านมาได้ถูกต้อง และยังได้ฝากถึงประธานรัฐสภาขอให้ขยายเวลาการเข้าชม รัฐสภา ตั้งแต่ ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐ นาฬิกา ด้วย เด็กอีกคนหนึ่งที่มีความสามารถในการพัฒนาทักษะการแสดงออกต่อสาธารณชนในทางที่ถูกต้อง เธอคือ เด็กหญิงฉัตราภรณ์ ชัยสุวรรณ์ อายุ ๑๓ ปี นักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา ๒ ซึ่งเป็น ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ "หนูน้อยผู้ประกาศ" จากการจัดประกวดของสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา (จำลอง) ซึ่งได้เปิดเผยว่า ตนเองมีความสนใจงานด้าน "สื่อมวลชน" มาตั้งแต่อายุ ๔ ขวบ โดยมีคุณแม่เป็นผู้ฝึกให้อ่าน พูด ถูกหลักการอ่านอยู่เป็นประจำ และที่สำคัญได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวที่เปิดโอกาส ให้กล้าแสดงออกอยู่บ่อยครั้ง การเข้าร่วมประกวดหนูน้อยผู้ประกาศ เพราะประสงค์ทดสอบความสามารถของตนเอง และเห็นว่าเป็นเรื่องท้าทายในอนาคตอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ จากการได้สัมภาษณ์ตัวแทนเด็กหญิงและเด็กชายที่มาเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๔๗ ครั้งนี้ สาระน่ารู้ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดงานของรัฐสภาปีต่อ ๆ ไป คือ การจัด กิจกรรมให้มากขึ้น ควรขยายเวลาการเข้าชมห้องประชุมจนถึงเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา และขอให้ มีบัตรแลกของรางวัลที่ระลึกให้เพียงพอกับผู้เข้าชมงาน ในด้านผู้ปกครองเองเปิดเผยว่า การเลี้ยงดูลูกให้มีพัฒนาการที่ดีนั้นนอกจากอาหาร การดุแลด้านอารมณ์มีความสำคัญไม่แพ้กัน "คุณภาพ" ของพ่อ-แม่ เป็นสิ่งสำคัญ ต้องไม่รำคาญ เมื่อลูกตั้งคำถามบ่อย ๆ และควรดูว่าลูกสนใจสิ่งใดเป็นพิเศษแล้ว สนับสนุนตามที่เด็กต้องการ การได้พูดคุยกับเด็ก ๆ และผู้ปกครองรัฐสภาควรนำ ข้อเสนอแนะเหล่านั้นมาเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดงานวันเด็กแห่งชาติปีต่อ ๆ ไป ให้เกิดประโยชน์ต่อเด็ก ๆ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติมากที่สุด= การประชุมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฎ พ.ศ. .... วันจันทร์ ที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๖ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธาน รัฐสภา ได้ประชุมร่วมกันกับประธานวุฒิสภา ประธานกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร และประธานกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาทุกคณะ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฎ พ.ศ. .... ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณากันอย่างกว้างขวางถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะแก้ไขและดำเนินการต่อไปอย่างไรจึงจะถูกต้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ๑ ชุดเพื่อศึกษาปัญหาดังกล่าว ประธานรัฐสภา จึงได้มีคำสั่งรัฐสภาที่ ๑/๒๕๔๗ ลงวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปัญหาการตราร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. .... จำนวน ๑๓ คน ประกอบด้วย สมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๕ คน ได้แก่ นายชุมพล ศิลปอาชา นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายเสรี สุวรรณภานนท์ นายพนัส ทัศนียานนท์ และนายวิบูลย์ แช่มชื่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๔ คน ได้แก่ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล นายปกิต พัฒนกุล นายสามารถ แก้วมีชัย และนายสุขุมพงษ์ โง่นคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๔ คน ได้แก่ นายถาวร เสนเนียม นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค นายวิจิตร ศรีสอ้าน นายสุภาพ คลี่ขจาย คณะกรรมการชุดดังกล่าวนี้จะดำเนินการพิจาณาศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน และให้รายงานต่อประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณาและนำเข้าหารือถึงแนวทางแก้ไขของที่ประชุมร่วมกันของประธานรัฐสภาและประธานคณะกรรมาธิการสามัญของทั้ง ๒ สภา ต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ ๘ มกราคม ๒๕๔๗ คณะกรรมการพิจารณาปัญหาการตรา ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ... ได้ประชุมร่วมกันแล้ว พบข้อเท็จจริงว่า ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. .... มีการแก้ไขไม่สอดคล้องกันในมาตรา ๕๒ วรรคสอง กับมาตรา ๑๘ (๘) เรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษ และมาตรา ๑๘(๙) กับมาตรา ๓๑ (๗) เรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งอาจารย์พิเศษ และพร้อมกันนี้คณะกรรมการจึงได้มีความเห็นร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเป็น ๒ แนวทาง ดังนี้ แนวทางที่ ๑ ให้นำร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. .... ขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไปตามมาตรา ๙๓ พร้อมกราบบังคมทูลถวายข้อเท็จจริงและเหตุผลให้ทรงทราบถึงความไม่สอดคล้องกัน ของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว แนวทางที่ ๒ คือ แก้ไขกระบวนการรัฐสภา มีความเห็นแยกเป็น ๔ ทาง คือ๑. ให้เริ่มที่สภาผู้แทนราษฎรทบทวนมติและตั้งกรรมาธิการร่วมทั้ง ๒ สภา เพื่อพิจารณาแก้ไข ในประเด็นที่ไม่สอดคล้องกันเท่านั้น๒. ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. .... ในประเด็นที่ไม่สอดคล้องกันอีกฉบับ พร้อมถวายเหตุผลที่ต้องทูลเกล้าฯ พร้อมกันทั้ง ๒ ฉบับ๓. ในกรณีที่ไม่นำทูลเกล้าฯ ตามมาตรา ๙๓ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย ราชภัฏ พ.ศ. .... ใหม่ทั้งฉบับ โดยแก้ไขเฉพาะในประเด็นที่ไม่สอดคล้องกัน๔. ให้ประธานวุฒิสภาแก้ไขให้ถูกต้อง สอดคล้องกัน แล้วส่งสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการต่อไป ซึ่งแนวทางดังกล่าว คณะกรรมการจะได้นำเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อนำเข้าปรึกษาหารือในที่ประชุมร่วมกันของประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป= การเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไปสภาผู้แทนราษฎรจะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไปในวันพุธที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ และเตรียมการต่าง ๆ ไว้ดังนี้คือ ๑. การพัฒนาด้านสารสนเทศ ได้มีการปรับปรุงข้อมูลซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐสภาให้มีความทันสมัยและเป็นปัจจุบัน โดยได้มีการพัฒนาโปรแกรมการนำเข้าข้อมูลในวงงาน รัฐสภาให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อความคล่องตัวในการนำข้อมูล เผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐสภา รวมทั้งทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สามารถแก้ไข และปรับปรุงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เช่น ได้มีการจัดทำโปรแกรม ข้อมูลระเบียบวาระการประชุมเพื่อให้สำนักการประชุม สามารถ update ข้อมูล ได้เอง โดยไม่ต้องรอให้สำนักสารสนเทศดำเนินการให้ เป็นต้น ๒. การจัดเตรียมสถานที่ ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการดูแลความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดระบบการจราจรไว้อย่างเข้มงวดกับผู้ที่มาประชุมและมาติดต่อราชการตามกฎ ระเบียบ ของสำนักงานฯ และจะอำนวยความสะดวกในเรื่องการจอดรถให้แก่สมาชิกฯ รวมทั้งได้เตรียมที่จอดรถไว้ให้ที่สนามเสือป่า โดยมีรถบริการรับ-ส่ง เหมือนเช่นเคย๓. ด้านอุปกรณ์ควบคุมการประชุม ได้มีการเตรียมความพร้อมของไมโครโฟน โทรทัศน์วงจรปิด คอมพิวเตอร์ควบคุมระบบ รวมทั้งระบบเสียงภายในอาคารรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว ๔. ด้านบุคลากร ได้จัดเตรียมบุคลากรผู้ที่มีความรู้และความชำนาญเพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ในห้องประชุมสภา เพื่อบริการและอำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิก โดยจัด เจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่จดประเด็นในห้องประชุมสภา เดินหนังสือ ประสานงานกับผู้เข้าร่วมชี้แจง และประสานงานกับผู้แทนของส่วนราชการ หน่วยงาน หรือองค์กรอิสระที่มาชี้แจงต่อที่ประชุมสภา พร้อมทั้งได้จัดเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ให้พอเพียงกับบุคลากรที่จะรองรับการให้บริการแก่สมาชิกฯ ๕. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการนำเสนอผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของรัฐสภา และนอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงรายการข่าวสารจากสำนักประชาสัมพันธ์เพื่อเตรียมที่จะรองรับในการนำเสนอข่าวสาร การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยสามัญทั่วไปที่จะมาถึงนี้= รับสมัครนักกีฬาร่วมแข่งขันกีฬาสามัคคี ๔ หน่วยงาน ด้วยรัฐสภาจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬา "สามัคคี ๔ หน่วยงาน" ครั้งที่ ๕ ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๔ มีนาคม ๒๕๔๗ ณ สนามกีฬากระทรวงสาธารณสุข โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักราชเลขาธิการ ในการจัดการแข่งขันกีฬาดังกล่าวคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้กำหนดประเภทกีฬา จำนวน ๕ ประเภท ได้แก่ กอล์ฟ (ทีมผู้บริหาร) ฟุตบอล (ชาย ๑๑ คน / หญิง ๗ คน) แบดมินตัน (คู่ชาย / คู่หญิง /คู่ผสม / ผู้บริหาร) เทเบิ้ลเทนนิส (คู่ชาย / คู่หญิง / คู่ผสม) และเปตอง (ทีมชาย ๓ คน / ทีมหญิง ๓ คน / ทีม คู่ผสม / ทีมผู้บริหาร) สำหรับผู้สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาในประเภทต่าง ๆ สามารถติดต่อได้ดังนี้- กอล์ฟ และฟุตบอลชาย สมัครได้ที่ นายบุญยงค์ จันทร์แสง สำนักกรรมาธิการ ๑ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๑๐๖ - ฟุตบอลหญิง สมัครได้ที่ นายสัณห์ชัย สินธุวงษ์ สำนักกรรมาธิการ ๑ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๑๑๙ - แบดมินตัน สมัครได้ที่ นายวันชัย วรรณสว่าง สำนักกรรมาธิการ ๑โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๑๒๔ - เทเบิ้ลเทนนิส สมัครได้ที่ นายณัฐพัฒน์ พัดทอง สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร โทร. ๐ ๒๓๕๗ ๓๑๘๓ - เปตอง สมัครได้ที่ นายสถิตย์พร ศรีกัน สำนักกรรมาธิการ ๑โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๑๒๕ -๖ จึงขอเชิญข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน และขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมกองเชียร์ตามกำหนดวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว= จี้แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว ที่รัฐสภา วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๔.๔๕ นาฬิกา นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงผลการประชุมการพิจารณาเรื่องการคุ้มครองแรงงานต่างด้าวว่า มติที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การรัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ที่มีขึ้น ในระหว่างวันที่ ๗-๑๒ กันยายน ๒๕๔๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยประธานรัฐสภาเป็นผู้เข้าร่วมประชุม และได้แจ้งมติของที่ประชุมฯ ให้คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ไปดำเนินงานติดตามมาตรการและนโยบายของรัฐบาล เพื่อรายงานต่อการประชุมครั้งที่ ๒๕ ในปี ๒๕๔๗ ต่อไปนั้น คณะกรรมาธิการได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสรุปผลการพิจารณาได้ดังนี้ ในรอบปี ๒๕๔๖ มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว พม่า กัมพูชา และลาว ใน ๖ ประเภทกิจการ จำนวน ๒๘๘,๗๘๐ คน โดยมีแรงงานต่างด้าวที่เคยจดทะเบียนไว้เมื่อปีที่แล้วหายไป จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ คน ซึ่งเกิดจากปัญหาและขั้นตอนที่ยุ่งยาก และไม่มีความแตกต่างในการจดทะเบียน โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนจากนโยบาย ดังนั้นการที่กระทรวงแรงงานเตรียมจะจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอีกครั้งในเดือนมีนาคม ๒๕๔๗ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวใหม่ โดยจะนำร่องใน ๓ จังหวัด คือ ปทุมธานี ระนอง และสมุทรสาคร และเพิ่มจังหวัดตากเข้าไปด้วย เพราะเป็นจังหวัดที่ติดชายแดนและมีการใช้แรงงานต่างด้าวมาก แต่คณะกรรมาธิการตั้งข้อสังเกตว่าการเพิ่มแรงงานต่างด้าวปีละ ๕ แสน กว่าคน ตามงานวิจัยของสถาบันเอเซีย ควรมีการทบทวนและรับฟังความคิดเห็นใหม่เพราะข้อเท็จจริงตามความจำเป็นจริง ๆ นั้นจะต้องควบคุมการใช้แรงงานต่างด้าวที่ไม่มีตัวเลขชัดเจน ซึ่งมีแต่ตัวเลขตามความต้องการที่ประเมินจากผู้ประกอบการเท่านั้น= กรรมาธิการการเกษตรฯ หนุนช่วยที่ทำกินเกษตรกร นายก่ำซุง ยังประภากร ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ประจำวันพุธที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๗ กรณีราษฎรครอบครองที่ดินของรัฐ โดยผิดกฎหมาย ในหลายพื้นที่ โดยมีทั้งที่ดินสาธารณประโยชน์อุทยาน แห่งชาติ ป่าไม้ ที่ราชพัสดุ รวมทั้ง สปก. ปัญหานี้ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากการขาดเอกสารสิทธิ์จากการครอบครองทำให้ไม่สามารถรับประโยชน์จากนโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน กรรมาธิการฯ จึงเชิญเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร ทหาร กรมป่าไม้ ราชพัสดุ เพื่อหาแนวทางการปฏิบัติให้เกษตรกรได้รับเอกสารสิทธิและกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ตนครอบครองอยู่ นอกจากนี้ยังเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกัน "ปฏิรูปกฎหมายที่ดิน" เสียใหม่ ผลการประชุมในวันดังกล่าว สรุปว่า ๑. ราษฎรมีความต้องการในกรรมสิทธิที่ดินที่ตนครอบครอง ๒. รัฐบาลควรแก้กฎหมายแต่ละพื้นที่ดินเป็นการเฉพาะ ๓. ควรมีการปรับปรุงระเบียบเรื่องการบริหารจัดการจัดสรรที่ดินของราษฎร ๔. ควรมีการกันพื้นที่ สปก. และที่ดินที่ราษฎรอาศัยอยู่ออกจากที่ดินประเภทอื่น ๆ เพื่อลดความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยของราษฎร และสร้างความมั่นคงต่อชีวิตและสอดคล้องกับนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาล นอกจากการให้ความสนใจเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินของราษฎรแล้ว คณะกรรมาธิการฯ จะนำเรื่อง "การหามาตรการป้องกันการใช้สารเคมีกับพืช ผัก ผลไม้ ของสินค้าเกษตร" เนื่องจากปัจจุบันประชากรของประเทศได้รับความเดือดร้อนจากการบริโภคพืชเกษตรที่มีสารพิษตกค้างส่งผลต่อการบริโภค รวมทั้งการไม่สั่งซื้อสินค้าเกษตรจากไทยของต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ทั้งนี้ จะเชิญหน่วยงานผู้รับผิดชอบ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิชาการ ผู้ประกอบการสารเคมี เกษตรกร มาร่วมกันหารือถึงแนวทางปฏิบัติที่ถูกวิธี ปลอดภัยต่อชีวิต ในด้าน ผู้ประกอบการด้านสารเคมีเอง มักจะลักลอบนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศ และการตั้งโรงงานผสม สารเคมีที่ไม่ได้มาตรฐาน คณะกรรมาธิการฯ จะเสนอแนวทางการกระตุ้นกรณีดังกล่าวดังนี้ ๑. เชิญหน่วยงานรับผิดชอบหารือ ๒. ผลักดันกฎหมายการตั้งโรงงาน ฟาร์มการเกษตร และการกำหนดมาตรฐานสารตกค้างในสินค้าเกษตรให้ตรงตามมาตรฐานกรมวิชาการ ๓. จะนำผลสรุปการสัมมนา ๔ ภูมิภาค คือ เชียงใหม่ จันทบุรี ชัยภูมิ และนครศรีธรรมราช จัดทำเป็นเอกสารวิชาการเผยแพร่เป็นตำราไปยังสถาบันการศึกษาด้านการเกษตรต่อไป โดยจะได้นำผลการประชุมและข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ เสนอนายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งไปยังรัฐบาลต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ