เศรษฐกิจของภาคใต้ในเดือนมกราคมนี้ขยายตัวในเกณฑ์ดี ตามการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดี โดยรายได้เกษตรกรที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ขณะเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคการผลิตและภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้การจ้างงานมากขึ้น ประกอบกับการใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้น และการส่งออกขยายตัว
ทางด้านการผลิต รายได้เกษตรกรจากพืชผลที่สำคัญยังคงเพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของทั้งราคาและปริมาณ นอกจากนี้ในภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น แม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนก็ตาม
ภาคเกษตรกรรม
รายได้จากการขายพืชผลที่สำคัญของเกษตรกรในเดือนมกราคมนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.8 เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งด้านผลผลิตและราคา โดยดัชนีผลผลิตพืชผลที่สำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 และดัชนีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 ตามผลผลิตและราคายางพารา ส่วนปาล์มน้ำมัน ผลผลิตและราคาลดลง
ทางด้านประมงทะเลขยายตัว สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.6 และ 10.5 ตามลำดับ ในขณะที่ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำยังคงลดลง เนื่องจากเกษตรกรชะลอการเลี้ยง และราคากุ้งกุลาดำขนาด 40 ตัว/กิโลกรัม ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.4 อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ส่วนหนึ่งเป็นผลจาการรับจำนำกุ้งของทางการ และรณรงค์ให้มีการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น
สำหรับปศุสัตว์ ราคาสูงขึ้น ผลจากการเกิดโรควัวบ้าในสหรัฐอเมริกาและโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศในแถบเอเชีย ทำให้ประเทศไทยส่งออกไก่ได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาไก่เนื้อเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 33.3 ขณะเดียวกันราคาสุกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 เนื่องจากผู้บริโภคภายในประเทศเองหันมาบริโภคเนื้อสุกรมากขึ้น
ภาคอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ในเดือนนี้ ตลาดต่างประเทศชะลอการนำเข้า โดยเฉพาะยางพารา เนื่องจากหยุดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับมีการสต็อกยางไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกยางลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.7 แต่มูลค่าการส่งออกยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 ตามราคายางพาราที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง ในขณะเดียวกันปริมาณและมูลค่าการส่งออกสัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็งลดลงร้อยละ 30.3 และ3.3 ตามลำดับ สำหรับอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋อง แม้ว่าปริมาณการส่งออกจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่มูลค่ากลับลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.7 เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการส่งออกสัตว์น้ำอื่นที่มีมูลค่าไม่สูง
ทางด้านอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ ผลผลิตลดลงร้อยละ 2.6 และราคาลดลงร้อยละ 22.3 ตามราคาในตลาดโลก
การท่องเที่ยว
ภาวะการท่องเที่ยวของภาคใต้ในเดือนนี้ขยายตัวในเกณฑ์ดี ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนก็ตาม เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ประกอบกับได้รับผลดีจากสายการบินต้นทุนต่ำ โดยในเดือนนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48.6
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนในอัตราสูง ตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอำนาจซื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นตามราคายาง โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออก-นำเข้า) เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึง ร้อยละ 42.9 นอกจากนี้อุปสงค์ต่อสินค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังคงขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยโครงการที่ได้รับอนุมติส่งเสริมการลงทุนมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 48.0 ขณะที่การลงทุนในภาคก่อสร้างยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลของภาคใต้ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.3
การจ้างงาน
ส่วนสถานการณ์การจ้างงานในภาคใต้ ที่ผ่านสำนักงานจัดหางานของรัฐในเดือนมกราคมนี้ มีตำแหน่งงานว่าง จำนวนประมาณ 5,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.4 มี ผู้สมัครงาน จำนวนประมาณ 3,000 คน และมีผู้ได้รับการบรรจุงาน จำนวนประมาณ 1,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.1 และ 1.2 ตามลำดับ
ระดับราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในเดือนนี้ ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.9 ส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวจากราคาสินค้า ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ตามราคาสินค้าในหมวดข้าวแป้งผลิตภัณฑ์จากแป้ง และหมวดผักผลไม้เป็นสำคัญ
การค้าต่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศของภาคใต้ยังมีทิศทางขยายตัว แม้ว่าได้รับผลกระทบที่สำคัญจากปัจจัยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยมูลค่าการค้ารวมในเดือนนี้มีจำนวน 681.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.8 เป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการส่งออกร้อยละ 17.4 โดยสินค้าที่มีการส่งออกขยายตัวดี ได้แก่ ยางและถุงมือยาง สำหรับมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9
ภาคการคลัง
เดือนนี้สำนักงานคลังจังหวัดในภาคใต้จ่ายเงินงบประมาณให้กับส่วนราชการเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ10.1 ตามการเพิ่มขึ้นของการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในจังหวัดสงขลาที่มีอัตราการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 35.6 ในขณะเดียวกันรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 ตามการจัดเก็บภาษีของสรรพากรเป็นสำคัญ ส่วนหนึ่งเพราะผลประกอบการของภาคธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ดี
ภาคการเงิน
เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนมกราคมนี้ ขยายตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ5.1 ส่วนสินเชื่อยังคงขยายตัวต่อเนื่องเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ตามภาวะเศรษฐกิจของภาคใต้ที่ดีขึ้นและความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจโดยรวมรวมทั้งเป็นผลจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำทางด้านสถาบันการเงินของภาครัฐมีธุรกรรมเพิ่มขึ้น ตามแรงหนุนจากนโยบายของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้มีบทบาทและเป็นแกนนำในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะธนาคารออมสินมีการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49.7 ในขณะเดียวกันยอดสินเชื่อคงค้างของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยขยายตัวร้อยละ 52.7
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคใต้--
-ยก-
ทางด้านการผลิต รายได้เกษตรกรจากพืชผลที่สำคัญยังคงเพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของทั้งราคาและปริมาณ นอกจากนี้ในภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น แม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนก็ตาม
ภาคเกษตรกรรม
รายได้จากการขายพืชผลที่สำคัญของเกษตรกรในเดือนมกราคมนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.8 เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งด้านผลผลิตและราคา โดยดัชนีผลผลิตพืชผลที่สำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 และดัชนีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 ตามผลผลิตและราคายางพารา ส่วนปาล์มน้ำมัน ผลผลิตและราคาลดลง
ทางด้านประมงทะเลขยายตัว สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.6 และ 10.5 ตามลำดับ ในขณะที่ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำยังคงลดลง เนื่องจากเกษตรกรชะลอการเลี้ยง และราคากุ้งกุลาดำขนาด 40 ตัว/กิโลกรัม ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.4 อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ส่วนหนึ่งเป็นผลจาการรับจำนำกุ้งของทางการ และรณรงค์ให้มีการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น
สำหรับปศุสัตว์ ราคาสูงขึ้น ผลจากการเกิดโรควัวบ้าในสหรัฐอเมริกาและโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศในแถบเอเชีย ทำให้ประเทศไทยส่งออกไก่ได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาไก่เนื้อเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 33.3 ขณะเดียวกันราคาสุกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 เนื่องจากผู้บริโภคภายในประเทศเองหันมาบริโภคเนื้อสุกรมากขึ้น
ภาคอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ในเดือนนี้ ตลาดต่างประเทศชะลอการนำเข้า โดยเฉพาะยางพารา เนื่องจากหยุดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับมีการสต็อกยางไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกยางลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.7 แต่มูลค่าการส่งออกยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 ตามราคายางพาราที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง ในขณะเดียวกันปริมาณและมูลค่าการส่งออกสัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็งลดลงร้อยละ 30.3 และ3.3 ตามลำดับ สำหรับอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋อง แม้ว่าปริมาณการส่งออกจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่มูลค่ากลับลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.7 เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการส่งออกสัตว์น้ำอื่นที่มีมูลค่าไม่สูง
ทางด้านอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ ผลผลิตลดลงร้อยละ 2.6 และราคาลดลงร้อยละ 22.3 ตามราคาในตลาดโลก
การท่องเที่ยว
ภาวะการท่องเที่ยวของภาคใต้ในเดือนนี้ขยายตัวในเกณฑ์ดี ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนก็ตาม เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ประกอบกับได้รับผลดีจากสายการบินต้นทุนต่ำ โดยในเดือนนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48.6
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนในอัตราสูง ตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอำนาจซื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นตามราคายาง โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออก-นำเข้า) เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึง ร้อยละ 42.9 นอกจากนี้อุปสงค์ต่อสินค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังคงขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยโครงการที่ได้รับอนุมติส่งเสริมการลงทุนมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 48.0 ขณะที่การลงทุนในภาคก่อสร้างยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลของภาคใต้ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.3
การจ้างงาน
ส่วนสถานการณ์การจ้างงานในภาคใต้ ที่ผ่านสำนักงานจัดหางานของรัฐในเดือนมกราคมนี้ มีตำแหน่งงานว่าง จำนวนประมาณ 5,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.4 มี ผู้สมัครงาน จำนวนประมาณ 3,000 คน และมีผู้ได้รับการบรรจุงาน จำนวนประมาณ 1,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.1 และ 1.2 ตามลำดับ
ระดับราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในเดือนนี้ ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.9 ส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวจากราคาสินค้า ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ตามราคาสินค้าในหมวดข้าวแป้งผลิตภัณฑ์จากแป้ง และหมวดผักผลไม้เป็นสำคัญ
การค้าต่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศของภาคใต้ยังมีทิศทางขยายตัว แม้ว่าได้รับผลกระทบที่สำคัญจากปัจจัยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยมูลค่าการค้ารวมในเดือนนี้มีจำนวน 681.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.8 เป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการส่งออกร้อยละ 17.4 โดยสินค้าที่มีการส่งออกขยายตัวดี ได้แก่ ยางและถุงมือยาง สำหรับมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9
ภาคการคลัง
เดือนนี้สำนักงานคลังจังหวัดในภาคใต้จ่ายเงินงบประมาณให้กับส่วนราชการเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ10.1 ตามการเพิ่มขึ้นของการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในจังหวัดสงขลาที่มีอัตราการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 35.6 ในขณะเดียวกันรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 ตามการจัดเก็บภาษีของสรรพากรเป็นสำคัญ ส่วนหนึ่งเพราะผลประกอบการของภาคธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ดี
ภาคการเงิน
เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนมกราคมนี้ ขยายตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ5.1 ส่วนสินเชื่อยังคงขยายตัวต่อเนื่องเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ตามภาวะเศรษฐกิจของภาคใต้ที่ดีขึ้นและความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจโดยรวมรวมทั้งเป็นผลจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำทางด้านสถาบันการเงินของภาครัฐมีธุรกรรมเพิ่มขึ้น ตามแรงหนุนจากนโยบายของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้มีบทบาทและเป็นแกนนำในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะธนาคารออมสินมีการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49.7 ในขณะเดียวกันยอดสินเชื่อคงค้างของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยขยายตัวร้อยละ 52.7
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคใต้--
-ยก-