การเจรจาฯ สองฝ่ายมีเนื้อหาครอบคลุมการเปิดเสรีสินค้า บริการ การลงทุน…“พาณิชย์”แนะภาคอุตสาหกรรมควรปรับตัว ภายใน 15-20 ปี นางชุติมา บุญยประภัศร รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลียว่า ขณะนี้การเจรจาได้เสร็จสิ้นแล้ว แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารความตกลงโดยนักกฎหมายของแต่ละฝ่าย คาดว่าจะสามารถร่วมลงนามกันได้ประมาณกลางปีนี้ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2548 “ความตกลงฯฉบับนี้จะเป็นความตกลงการค้าเสรีสองฝ่ายฉบับแรกของไทย มีเนื้อหาครอบคลุมทั้งการเปิดเสรีสินค้า บริการ ลงทุน และความร่วมมืออื่นๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการค้า ทุกรายการสินค้าของทั้งสองฝ่าย จะอยู่ในกระบวนการลดภาษี โดยสินค้าส่วนใหญ่ของทั้งสองประเทศจะลดภาษีเหลือ 0 ภายใน 5 ปี ยกเว้นสินค้าอ่อนไหวจะมีระยะเวลาการลดที่ยาวกว่า ภายใน 10-20 ปี และไทยได้สงวนสิทธิ์ที่จะใช้มาตรการปกป้องพิเศษสำหรับสินค้าเกษตรที่อ่อนไหวหลายรายการ เช่น เนื้อ นม และผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น หากมีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเกินปริมาณที่กำหนด สามารถกลับไปขึ้นภาษีที่อัตราเดิมก่อนเริ่มลดหรืออัตรา MFN ในขณะนั้น โดยใช้อัตราใดอัตราหนึ่งที่ต่ำกว่า” นางชุติมา กล่าวต่อไปว่า สินค้าสำคัญที่ไทยจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ รถยนต์ขนาดเล็ก เคมีภัณฑ์และพลาสติก ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและกระป๋อง เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการส่งออกไปออสเตรเลียในปี 2546 ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ สินค้าผักผลไม้ ที่เดิมไม่สามารถส่งออกไปออสเตรเลีย เพราะติดปัญหาขั้นตอนสุขอนามัยซึ่งใช้เวลาล่าช้ามาก จะได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง และทราบผลได้เร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้ลิ้นจี่สดและลำไยสดได้ผ่านกระบวนการแล้ว และคาดว่าไทยจะสามารถส่งสินค้าดังกล่าวไปขายในออสเตรเลียได้เป็นครั้งแรกในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ดีการเปิดตลาดให้กับออสเตรเลียอาจมีอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบและจะต้องมีการปรับตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมโคเนื้อ โคนม และผลิตภัณฑ์นม ซึ่งมีเกษตรกรรายย่อยเป็นจำนวนมาก การผลิตยังไม่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับสินค้าประเภทเดียวกันที่นำเข้าจากออสเตรเลีย จึงต้องมีการปรับตัวให้ได้ภายใน 15 - 20 ปี รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผลจากการที่ออสเตรเลียเปิดตลาดการค้าบริการและการลงทุนให้ไทย ทำให้ธุรกิจไทยที่มีศักยภาพในการส่งออก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ SME อาทิ ธุรกิจซ่อมรถยนต์ สถาบันสอนภาษาไทย สถาบันสอนทำอาหาร ร้านอาหารไทย และธุรกิจผลิตสินค้าทุกประเภท สามารถเข้าไปจัดตั้งและประกอบธุรกิจในออสเตรเลียได้มากขึ้น และการออสเตรเลียผ่อนคลายเงื่อนไขการเข้าไปทำงาน ทำให้คนไทยสามารถเข้าไปทำงานได้สะดวกขึ้นเป็นการสร้างรายได้และนำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศได้มากขึ้น สำหรับการเปิดตลาดการค้าบริการและการลงทุนของไทยจะเป็นประโยชน์ต่อไทย เนื่องจากเป็นการเปิดตลาดในธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนสูง ซึ่งส่วนใหญ่ไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อเอื้อต่อนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการท่องเที่ยวในภูมิภาคและในระยะยาว ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจะมีมากขึ้น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775-สส-