ฉบับที่ ๒๐ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๖.๓๐ - ๑๗.๓๐ นาฬิกา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ต่อข้ออภิปรายในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้- การให้บริการเสริมต่าง ๆ ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ วัยรุ่น ซึ่งเป็นผู้ที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตนเอง แสดงให้เห็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อเยาวชนของชาติ - การแก้ไขสัญญาธุรกิจการให้บริการเสริมต่าง ๆ ของโทรศัพท์มือถือ ในเรื่องของการยกเลิกเพดานราคาทำให้บริษัทโทรศัพท์มือถือสามารถเรียกเก็บค่าบริการจาก ผู้ใช้ได้มากขึ้น - การแก้ไขพระราชกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตซึ่งดำเนินการสำเร็จแล้ว รวมทั้งการพิจารณาเรื่องการทำสัญญาค่าเชื่อมต่อโครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์ มือถือซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคพวกของตนเอง- อาจมีการแทรกแซงการตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเพื่อ เอื้อประโยชน์แก่กลุ่มธุรกิจบางกลุ่ม ดังนั้น จึงไม่ไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และ การสื่อสาร เนื่องจากบริหารจัดการโดยเอื้อประโยชน์ให้กับคนในรัฐบาลและกลุ่มธุรกิจบางกลุ่ม นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ชี้แจงถึงกรณีที่ถูกอภิปรายในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้- ในกรณีของบริษัทโทรคมนาคมที่มีราคาหุ้นขึ้นเป็นจำนวนมากนั้น ไม่เป็นความจริงเนื่องจากได้ตรวจสอบแล้วพบว่า บริษัทโทรคมนาคมมีราคาหุ้นขึ้นและลงอย่างเป็นปกติ- ข้อกล่าวหาว่ามีประวัติการทำงานที่ไม่ชัดเจนนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากสามารถตรวจสอบประวัติได้อย่างเปิดเผยทั้งในเวบไซด์ของพรรค และจากเลขานุการคณะรัฐมนตรี และไม่เคยทำงานกับองค์กรเอกชนใด ๆ มาก่อน ซึ่งเมื่อมาทำงานการเมืองแล้วก็ได้บริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ - กรณีการแก้ไขภาษีสรรพสามิตที่ทำให้เอกชนมีรายได้เพิ่มขึ้นนั้นได้ชี้แจงว่า แม้จะมีการลดภาษีสรรพสามิตให้น้อยลงเท่าใดก็ตาม บริษัทเอกชนก็ยังคงต้องจ่ายภาษีไม่น้อยไปกว่าเดิมแน่นอน- การตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาตินั้น จะช่วยให้นักลงทุนรายใหม่สามารถแข่งขันกับรายเก่าได้มากขึ้น ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับคนในรัฐบาล หรือกลุ่มธุรกิจบางกลุ่มอย่างที่ถูกกล่าวหา และการที่ได้เพิ่มจำนวนหุ้นให้กับ ชาวต่างชาติถือครองจาก ๒๕ % เป็น ๔๙ % นั้นจะทำให้เกิดนักลงทุนรายใหม่ที่มี ศักยภาพให้เข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้- กรณีของบัตรเติมเงินที่ถูกกล่าวหาว่ามีการปรับลดส่วนแบ่งรายได้ให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี- กรณีของการทำสัญญาเรื่องค่าเชื่อมต่อโครงข่ายระบบโทรศัพท์มือถือนั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือ ทุกฝ่ายทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ - กรณีของบริษัทที่ดำเนินการให้บริการเสริมในโทรศัพท์มือถือนั้นส่งผลให้มี ผู้ใช้บริการมากขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีไม่ได้เข้าไปแก้ไขสัญญาใด ๆ ที่ได้ทำไว้ในรัฐบาล ชุดก่อน เพียงแต่ขยายเพดานราคาจากน้อยกว่า ๑๕ บาท เป็นไม่กำหนดเพดาน ราคาก็เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจทางด้านบริการเสริมและยังเป็นการอำนวย ความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการอีกด้วย