ฉบับที่ ๒๕ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๑.๓๐ - ๑๒.๓๐ นาฬิกา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้- กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าขาดคุณธรรมจริยธรรมนั้น รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าการมีคุณธรรมจริยธรรมหรือไม่นั้น สังคมจะเป็นผู้ตัดสินเอง ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารองค์กรสันนิบาตมุสลิมโลก เป็นเวลา ๓ ปีแล้ว ซึ่ง จะมีการคัดเลือกบุคคลที่เห็นว่าน่าเชื่อถือและยึดมั่นในหลักธรรมทางศาสนาเพียง ๒๕ คนจากทั่วโลกเท่านั้น- กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนผู้มีอิทธิพล ทำให้ไม่สามารถปราบปรามผู้มีอิทธิพลได้นั้นไม่เป็นความจริง อาทิกรณี โกต๊ก รองนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้จับกุมถึง ๒ ครั้ง และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงกำกับดูแลอย่างเข้มงวด โดยไม่มีการละเว้นว่าจะเป็นใครก็ตาม อีกทั้งกรณีการสร้างถนนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อผลประโยชน์ใด ๆ - กรณีการปล้นปืนที่จังหวัดนราธิวาสนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เคยสนับสนุนผู้กระทำผิด ข้อกล่าวหาข้างต้นนั้นเป็นเพียงการซัดทอดของผู้ต้องหาเท่านั้น- กรณีการอุ้มฆ่าและการหายตัวไปของนายสมชายนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีและหาข้อเท็จจริงให้ได้ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือต่อครอบครัวดังกล่าวด้วย- กรณีมัสยิดกรือเซะ ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่ที่จดทะเบียนเป็นโบราณสถานและเป็นที่หลบซ่อนของคนร้ายนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการจับกุมผู้ร้ายไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม แต่หากมีการต่อสู้ขัดขืนนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่- ตอบข้อกล่าวหาเรื่องที่ได้เดินทางไปพบผู้ก่อการร้ายที่ประเทศอียิปต์นั้น รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ในขณะนั้นตนดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และได้มีการเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศนั้นจริง โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐจากหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยให้ผู้ก่อการร้ายกลับมาเป็นผู้ร่วมชาติไทย ไม่ได้เป็นการนัดหมายผู้ก่อการร้ายตามที่ถูกกล่าวหา รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสรุปในช่วงท้ายว่า ไม่ได้ขาดคุณธรรมและจริยธรรมตามที่ได้ถูกกล่าวหาและไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ รวมทั้งธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ เลย นายตรีพล เจาะจิตต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในประเด็นดังนี้ ๑. เกิดความผิดพลาดบ่อยครั้งในการบริหารราชการของกระทรวงพาณิชย์ ๒. ไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร โครงการหลายโครงการ ๓. ขาดความยุติธรรมและไร้ซึ่งคุณธรรม ๔. มุ่งผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยได้อภิปรายแยกเป็นประเด็นดังต่อไปนี้ - ในด้านของข้อผิดพลาดในการบริหารราชการกระทรวงพาณิชย์นั้น มีการรับจำนำ สินค้าเกษตรในราคาที่สูง แต่สุดท้ายกลับทุบราคาให้ต่ำลง เช่น โครงการรับจำนำ ลำไย เมื่อปี ๒๕๔๕ ซึ่งได้จำนำไว้ในราคาสูง แต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ จึงขายไป ในราคาที่ตกต่ำมากเพียงกิโลกรัมละ ๒ บาทเท่านั้น โดยอ้างว่ามีลำไยดีเพียง ๖๐ % และลำไยไม่ดีมี ๔๐% จึงได้ขายในราคาดังกล่าว ทั้งนี้ได้มีนักวิชาการ เกษตร เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีลำไยไม่ดีเฉลี่ยแล้วเพียง ๒๓ % เท่านั้น ทำให้เกิด ความเสียหายต่อประเทศชาติ อีกทั้งในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งขณะนั้นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ได้เข้าไป แทรกแซงในการซื้อขายทำให้ผลประโยชน์อันพึงได้ถึง ๑๐๐ ล้านบาท เหลือเพียง ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น