กรุงเทพ--16 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในช่วง General Debate ในการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2547 ณ นครเซาเปาโล โดยการแถลงสุนทรพจน์ดังกล่าวได้ถ่ายทอดสดผ่านทางอินเตอร์เน็ต เนื้อหาสำคัญของสุนทรพจน์ สรุปได้ดังนี้
ในการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 10 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ที่ประชุมได้เห็นพ้องถึงความจำเป็น ในการบริหารจัดการโลกาภิวัตน์อย่างมีประสิทธิภาพ และนับแต่นั้น ที่ประชุมได้มีภารกิจในการ ติดตามผลอังค์ถัด ครั้งที่ 10 โดยดำเนินตามปฏิญญากรุงเทพฯ และแผนปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งสถาบัน ITD การบรรจบกันของแนวโน้มด้านธุรกิจ การเงิน เทคโนโลยี และสารสนเทศได้ก่อให้เกิด ทั้งโอกาสและความเสี่ยงมากขึ้น หลายฝ่ายไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่กระแสดังกล่าวได้ จึงเกิดกระแสความไม่พอใจต่อโลกาภิวัตน์มากขึ้น นอกจากนั้น ปัญหาใหม่ๆ ในเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ ยิ่งทำให้ความสนใจเบี่ยงเบนไปจากประเด็นการพัฒนา
เนื่องจากโลกาภิวัตน์เป็นปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน การจัดการโลกาภิวัตน์จึงซับซ้อนไปด้วย จำเป็นต้องมีการทบทวนกระบวนทัศน์และพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบันได้ดีกว่าเดิม เช่นนอกเหนือจากด้านนโยบายแล้ว ยังต้องเอาใจใส่ต่อการสร้างสถาบันที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันความล้มเหลวของตลาดและส่งเสริมการแข่งขันอย่างแท้จริงอีกด้วย
ภายใต้นโยบาย dual track ไทยได้ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีโครงการที่สำคัญ อาทิ การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน สินค้า OTOP และตั้งเป้าหมายที่จะขจัดความยากจนภายในปี 2552 ไทยได้ใช้หลักการพึ่งพาตนเองและการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือบนพื้นฐานความแตกต่างเพื่อสนับสนุนการพัฒนาในด้านความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค ไทยได้จัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เพื่อลดช่องว่างในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยนำเอาระบบ ASEAN Integrated System of Preferences มาใช้เป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนั้น ภายใต้กรอบ ACD ก็ได้ผลักดันการสร้างตลาดพันธบัตรเอเชีย เพื่อลดความเสี่ยงต่อวิกฤตการณ์ทางการเงินระดับภูมิภาค ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินระหว่างประเทศโดยรวมด้วย นอกจากนี้ ไทยได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆ ทั้งที่พัฒนาแล้วและที่กำลังพัฒนา เช่นในการประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2003 และความร่วมมือกับประเทศในแอฟริกาภายใต้กรอบ NEPAD ประเทศลาตินอเมริกา และหมู่เกาะแปซิฟิกการจัดการโลกาภิวัตน์ระดับสำคัญที่สุดได้แก่ระดับพหุภาคี ซึ่งไทยได้ให้การสนับสนุนการเจรจาการค้าในรอบโดฮา และเห็นว่าการเจรจาควรดำเนินไปด้วยจิตสำนึกแห่งความเป็นหุ้นส่วนและประนีประนอมเพื่อเป็นการแสดงความจริงจังต่อเป้าหมายการลดความยากจน อันจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างเหนือ-ใต้อีกทางหนึ่งด้วย โดยเน้นด้วยว่า การเจรจา FTA ใด ๆ จำเป็นต้อง สอดคล้องกับกฎของ WTO
การประชุมอังค์ถัด 11 เป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือกันเพื่อบริหารจัดการโลกาภิวัตน์ เป็นโอกาสในการหารือแก้ไขความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความสอดคล้องระหว่างยุทธศาสตร์การพัฒนาภายในประเทศกับสภาวะเศรษฐกิจและการเงินของโลก อังค์ถัดสามารถช่วยสร้างความสอดคล้องและการประสานงานระหว่างองค์การระหว่างประเทศ โดยเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และยุทธศาสตร์การพัฒนา รวมทั้งให้คำแนะนำด้านนโยบาย ตลอดจนติดตามแนวโน้มการค้า การเงินและพัฒนาการทางเทคโนโลยี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในช่วง General Debate ในการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2547 ณ นครเซาเปาโล โดยการแถลงสุนทรพจน์ดังกล่าวได้ถ่ายทอดสดผ่านทางอินเตอร์เน็ต เนื้อหาสำคัญของสุนทรพจน์ สรุปได้ดังนี้
ในการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 10 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ที่ประชุมได้เห็นพ้องถึงความจำเป็น ในการบริหารจัดการโลกาภิวัตน์อย่างมีประสิทธิภาพ และนับแต่นั้น ที่ประชุมได้มีภารกิจในการ ติดตามผลอังค์ถัด ครั้งที่ 10 โดยดำเนินตามปฏิญญากรุงเทพฯ และแผนปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งสถาบัน ITD การบรรจบกันของแนวโน้มด้านธุรกิจ การเงิน เทคโนโลยี และสารสนเทศได้ก่อให้เกิด ทั้งโอกาสและความเสี่ยงมากขึ้น หลายฝ่ายไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่กระแสดังกล่าวได้ จึงเกิดกระแสความไม่พอใจต่อโลกาภิวัตน์มากขึ้น นอกจากนั้น ปัญหาใหม่ๆ ในเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ ยิ่งทำให้ความสนใจเบี่ยงเบนไปจากประเด็นการพัฒนา
เนื่องจากโลกาภิวัตน์เป็นปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน การจัดการโลกาภิวัตน์จึงซับซ้อนไปด้วย จำเป็นต้องมีการทบทวนกระบวนทัศน์และพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบันได้ดีกว่าเดิม เช่นนอกเหนือจากด้านนโยบายแล้ว ยังต้องเอาใจใส่ต่อการสร้างสถาบันที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันความล้มเหลวของตลาดและส่งเสริมการแข่งขันอย่างแท้จริงอีกด้วย
ภายใต้นโยบาย dual track ไทยได้ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีโครงการที่สำคัญ อาทิ การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน สินค้า OTOP และตั้งเป้าหมายที่จะขจัดความยากจนภายในปี 2552 ไทยได้ใช้หลักการพึ่งพาตนเองและการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือบนพื้นฐานความแตกต่างเพื่อสนับสนุนการพัฒนาในด้านความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค ไทยได้จัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เพื่อลดช่องว่างในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยนำเอาระบบ ASEAN Integrated System of Preferences มาใช้เป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนั้น ภายใต้กรอบ ACD ก็ได้ผลักดันการสร้างตลาดพันธบัตรเอเชีย เพื่อลดความเสี่ยงต่อวิกฤตการณ์ทางการเงินระดับภูมิภาค ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินระหว่างประเทศโดยรวมด้วย นอกจากนี้ ไทยได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆ ทั้งที่พัฒนาแล้วและที่กำลังพัฒนา เช่นในการประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2003 และความร่วมมือกับประเทศในแอฟริกาภายใต้กรอบ NEPAD ประเทศลาตินอเมริกา และหมู่เกาะแปซิฟิกการจัดการโลกาภิวัตน์ระดับสำคัญที่สุดได้แก่ระดับพหุภาคี ซึ่งไทยได้ให้การสนับสนุนการเจรจาการค้าในรอบโดฮา และเห็นว่าการเจรจาควรดำเนินไปด้วยจิตสำนึกแห่งความเป็นหุ้นส่วนและประนีประนอมเพื่อเป็นการแสดงความจริงจังต่อเป้าหมายการลดความยากจน อันจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างเหนือ-ใต้อีกทางหนึ่งด้วย โดยเน้นด้วยว่า การเจรจา FTA ใด ๆ จำเป็นต้อง สอดคล้องกับกฎของ WTO
การประชุมอังค์ถัด 11 เป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือกันเพื่อบริหารจัดการโลกาภิวัตน์ เป็นโอกาสในการหารือแก้ไขความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความสอดคล้องระหว่างยุทธศาสตร์การพัฒนาภายในประเทศกับสภาวะเศรษฐกิจและการเงินของโลก อังค์ถัดสามารถช่วยสร้างความสอดคล้องและการประสานงานระหว่างองค์การระหว่างประเทศ โดยเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และยุทธศาสตร์การพัฒนา รวมทั้งให้คำแนะนำด้านนโยบาย ตลอดจนติดตามแนวโน้มการค้า การเงินและพัฒนาการทางเทคโนโลยี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-