ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เชื่อมั่นทุนสำรองทางการระหว่างประเทศของไทยแข็งแกร่งเพียงพอรองรับการลงทุนที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท.ติดตามภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และยังไม่เห็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง
โดยทุนสำรองทางการระหว่างประเทศตลอดระยะที่ผ่านมาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.47 อยู่ที่ระดับ 42,700 ล.ดอลลาร์
สรอ. ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดย ธปท.จะดูแลความเพียงพอของทุนสำรองทางการอย่างใกล้ชิด และเชื่อมั่นว่าแม้รัฐบาลจะมีการลงทุน
เพิ่มขึ้นในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในอนาคต ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศที่มีอยู่น่าจะเพียงพอต่อการใช้ในการซื้อสินค้าวัตถุดิบ และการนำ
เข้าเครื่องจักรเพื่อการลงทุนได้ (ข่าวสด)
2. ธปท.ชี้แจงปัญหาเอ็นพีแอลของไทยจะสามารถคลี่คลายลงได้จากการที่เศรษฐกิจขยายตัวและมาตรการเสริมของ ธปท.
นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีความ
เป็นห่วงการแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของไทย โดยชี้ว่ายังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านว่า ได้ชี้แจงปัญหา
หนี้เอ็นพีแอลของไทยต่อไอเอ็มเอฟแล้ว โดยแนวโน้มของเอ็นพีแอลกำลังปรับตัวลดลง เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจยังขยายตัวดีต่อเนื่องทำให้การ
ปรับโครงสร้างหนี้เป็นไปได้มาก นอกจากนี้ ธปท.ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอล 2 มาตรการที่จะออกมาในเวลาอันใกล้นี้ ได้แก่
มาตรการการหักลบหลักประกันก่อนการกันสำรองหนี้เอ็นพีแอลซึ่งจะประกาศใช้ในต้นเดือน ก.ค. ซึ่งจะทำให้ ธพ.ต้องสำรองหนี้เพิ่มขึ้นเท่ากับ
มูลค่าหลักประกัน 100% สำหรับเอ็นพีแอลที่ไม่ได้ปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งคาดว่า จะทำให้ ธพ.ปรับโครงสร้างหนี้ในส่วนเอ็นพีแอล
เกินกว่า 2 ปีได้หมดก่อนสิ้นเดือน ธ.ค.47 และมาตรการที่ 2 คือการแก้ไขกฎหมายให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) สามารถ
รับซื้อสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) จาก ธพ. ซึ่งจะช่วยให้เอ็นพีแอลลดลงเร็วขึ้น ด้านผู้อำนวยการสายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท. เปิดเผยว่า
เอ็นพีแอลสิ้นไตรมาสแรกปี 47 อยู่ที่ 617,573 ล.บาท หรือคิดเป็น 11.99% ของสินเชื่อรวม และเชื่อว่าจากการที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการของ ธปท. จะทำให้ยอดเอ็นพีแอลสิ้นปี 47 ลดลงเหลือ 10% ของสินเชื่อรวม ปี 48 อยู่ที่ 5-6% และ
ปี 49 อยู่ในภาวะปกติคือ 3-5% ของสินเชื่อรวม (โลกวันนี้, สยามรัฐ)
3. ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนแรกของปี งปม.47 สูงกว่าประมาณการและสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
โฆษก ก.คลัง เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รวมในช่วง 8 เดือนของปี งปม.47 (ต.ค.46-พ.ค.47) ว่า รัฐบาลจัดเก็บได้ 856,120
ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 21.9% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.3% คิดเป็นรายได้สุทธิ 751,789 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ
21.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% ทั้งนี้ การที่ผลการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร
และกรมสรรพสามิตเพิ่มขึ้น รวมถึงการนำส่งรายได้ของส่วนราชการอื่นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีรายได้พิเศษจากการขายหุ้นให้กองทุนรวมวายุภักษ์
หนึ่งจำนวน 25,075 ล.บาท ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้จากการขายหุ้นให้กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง รายได้สุทธิสูงกว่าประมาณการ 17.3% (โลกวันนี้)
4. ธ.กรุงไทยกำหนดเป้าหมายเป็น Convenience Bank ภายใน 3 ปี กรรมการผู้จัดการ ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า ธนาคารกำลังดำเนินการเป็น Processing Bank หรือธนาคารตัวกลางในการจัดการทางการเงินครบวงจร ซึ่งแบ่งเป็น 4 ด้าน
คือ 1) การรับชำระค่าบริการต่างๆ 2) การให้บริการในเรื่องการโอนเงิน เคลียริ่งเช็ค ฝากถอนเงินสด 3) การให้บริการสินเชื่อ รวมทั้งจด
จำนอง และ 4) การให้บริการทางการเงินเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติต่างๆ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน และกำหนด
เป้าหมายว่าภายใน 3 ปี ธ.กรุงไทยจะเป็น Convenience Bank หรือธนาคารสะดวกซื้ออย่างสมบูรณ์แบบ โดยในวันที่ 28 มิ.ย.47 จะมี
การลงนามในสัญญาการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้สาขาเซเว่นฯ ที่มีอยู่เป็นจุดให้บริการ
ทางการเงินของธนาคาร นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยในการทำโครงการไปรษณีย์แบงกิ้งในอนาคต อนึ่ง กระบวนการต่างๆ
ได้มีการสอบถาม ธปท.เรียบร้อยแล้วว่า สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกับธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ได้ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ.เพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษี สินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้จากจีนสูงถึงร้อยละ 198 เพื่อตอบโต้คู่แข่งขันจากจีน รายงานจากปักกิ่งเมื่อ
วันที่ 21 มิ.ย. 47 เพื่อตอบโต้ทางการค้าที่จีนทุ่มตลาดสินค้า สรอ.ได้จัดเก็บภาษีสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่นำเข้าจากจีนมูลค่า 1.2 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. ในอัตราสูงถึงร้อยละ 198 อย่างไรก็ตามอัตราการจัดเก็บดังกล่าวก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของผู้ประกอบการสรอ.บางส่วน
เพราะมีบริษัทส่งออกเตียงนอนไม้ประมาณร้อยละ 20 เท่านั้นที่เผชิญกับอัตราการจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงที่สุดในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ยังเสียภาษี
ในอัตราระหว่างร้อยละ 4.90 — 24.34 ทั้งนี้สมาคมผู้ผลิตสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของจีนได้ตำหนิการกระทำดังกล่าวว่าไม่เป็นธรรม แต่ยอมรับว่า
ได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากอัตราที่จัดเก็บยังไม่สูงมากนัก ในขณะที่ทางการจีนเห็นว่าไม่เป็นธรรมเนื่องจากจีนมิได้ทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว
ไปยังสรอ. อย่างไรก็ตามรมว.พาณิชย์ของจีนยังมิได้โต้ตอบแต่ประการใด ซึ่งครั้งนี้นับเป็นกรณีล่าสุดที่สรอ.ตอบโต้ทางการค้าจากจีนซึ่งส่วนใหญ่
ธุรกิจเอกชนขนาดเล็กอาจจะได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีตอบโต้ที่สูงถึงเกือบร้อยละ 200 ดังกล่าว อย่างไรก็ตามการกระทำครั้งนี้ของสรอ.
สร้างความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าเสรีของสรอ. การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นไปก่อนที่ นาย ดอน อีแวน รมว.พาณิชย์สรอ.มีกำหนดจะเยือนจีน
4 วัน คาดว่าจะมีการผลักดันเรื่องการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการปกป้องอุตสาหกรรมของสรอ. ทั้งนี้สรอ.ขาดดุลการค้ากับจีนทำสถิติสูงสุดถึง 124
พัน ล. ดอลลาร์สรอ.ในปี 46 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองในสรอ. ซึ่งผู้ประกอบการอุตสาห
กรรมจำนวนมากได้ตำหนิจีนที่ทำให้สรอ.สูญเสียงานไปเป็นจำนวนมากและที่สำคัญคือการที่จีนได้ผูกค่าเงินหยวนไว้ที่ประมาณ 8.28 หยวนต่อดอลลาร์
สรอ. ไม่ได้สะท้อนค่าเงินที่แท้จริงทำให้จีนได้เปรียบทางการค้าเนื่องจากต้นทุนการส่งออกต่ำส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของสรอ.
(รอยเตอร์)
2. เกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันดิบในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 รายงานจากโซล เมื่อ 21 มิ.ย.47 state-run Korea
National Oil Corp (KNOC) เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกได้นำเข้าน้ำมันดิบในเดือน
พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 ที่จำนวน 66.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันระดับชั้นนำในประเทศ คือ SK Corp
และ Hyundai Oilbank Corp มีการนำเข้าน้ำมันอย่างมาก แม้ว่าโรงกลั่นน้ำมันแห่งอื่น ๆ จะนำเข้าน้ำมันในระดับต่ำกว่าก็ตาม อย่างไรก็ตาม
นักวิเคราะห์เห็นว่าการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนนี้ (มิ.ย.) จะอยู่ในระดับเบาบาง เนื่องจากความต้องการในประเทศชะลอตัวรวมทั้งมีการสะสม
น้ำมันค่อนข้างมากและเพียงพอ ทั้งนี้จากการนำเข้าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.47 ทำให้เกาหลีใต้มีผลผลิตน้ำมันโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6
และสามารถส่งออกน้ำมันปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 ขณะที่มีการบริโภคในประเทศเพียงร้อยละ 0.6 เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และ
การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เห็นว่าการเก็บสะสมคลังน้ำมันจำนวนมากจะทำให้การนำเข้าน้ำมันดิบของ
โรงกลั่นน้ำมันลดน้อยลงได้ ทั้งนี้ คลังน้ำมันของภาคเอกชนสิ้นสุด ณ เดือน พ.ค.47 มีจำนวน 56.9 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ
56.7 ล้านบาร์เรลเมื่อสิ้นเดือนก่อน (รอยเตอร์)
3. ผลสำรวจคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน พ.ค.47 จะสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ระดับร้อยละ 2.0 รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 21 มิ.ย.47 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน พ.ค.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.0 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.43 และจะเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ผลจากราคาน้ำมันที่
สูงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของผู้บริโภค เช่น ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ light crude
ของ สรอ. เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 21 ปีในวันที่ 2 มิ.ย.47 ที่ 42.45 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ยังเป็นผลต่อเนื่องจาก
การที่ราคาสินค้าลดลงอย่างมากในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคไข้หวัด SARS ตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีก่อนและค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1 ปีที่
ผ่านมาจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นโดยขยายตัวถึงร้อยละ 11.2 ในไตรมาสแรกปีนี้จากไตรมาสสุดท้ายปีก่อน ธ.กลางสิงคโปร์ได้ปรับเพิ่ม
ประมาณการเงินเฟ้อในปีนี้จากร้อยละ 0.5 ถึง 1.5 เป็นร้อยละ 1.5 ถึง 2.0 ต่อปี โดยกรมสถิติของสิงคโปร์มีกำหนดจะเผยแพร่ตัวเลขดัชนี
ราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ค.47 อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มิ.ย.47 เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
4. มาเลเซียเรียกร้องให้ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกรวมกลุ่มกันทางด้านเศรษฐกิจ รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศ
มาเลเซีย เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.47 Abdullah Ahmad Badawi นรม.มาเลเซีย เรียกร้องให้ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวัน
ออกเฉียงใต้รวมกลุ่มกันทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อเผชิญความท้าทายจากการที่สหภาพยุโรปขยายตัวด้วยการเปิดรับประเทศสมาชิกใหม่ และเขตการ
ค้าเสรีของ สรอ. โดยกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องผนึกกำลังกันจัดทำโครงการเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออก เพื่อก่อตั้งประชาคมร่วมเศรษฐกิจ
เอเชียตะวันออก (East Asia Economic Community) ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ยุคสมัย ที่จะสร้างมาตรฐานให้เท่าเทียมกับ
สหภาพยุโรป ทั้งนี้ ข้อเสนอให้มีการรวมกลุ่มเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกได้ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดย Dr. Mahathir Mohamad อดีต
นรม.มาเลเซีย เป็นเวลากว่า 10 ปีมาแล้ว โดยให้มีการรวมกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งอาเซียนและเอเชีย
ตะวันออกเคยร่วมมือกันปรับปรุงระบบเศรษฐกิจหลังจากเกิดวิกฤติทางการเงินเมื่อปี 40-41 แต่ความคืบหน้าเป็นไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตาม
อาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้ร่วมมือกันจัดตั้งระบบแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลแข็งแบบทวิภาคี (bilateral hard-currency swaps)
ระหว่าง ธ.กลางด้วยกัน เพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากการเก็งกำไรค่าเงินของแต่ละประเทศ โดยในการประชุมที่ จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย
ได้มีการลงนามจัดตั้งระบบฯ มูลค่ารวม 36.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ นาย Badawi นรม.มาเลเซีย ยังเรียกร้องให้ประเทศ
ในภูมิภาคนี้จัดตั้งกองทุนการเงินอาเซียน เพื่อปรับปรุงความร่วมมือทางการเงิน แต่จะเป็นการส่งเสริมเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแทนที่ IMF
แต่อย่างใด (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22/6/47 21/6/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.901 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7033/40.9944 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 630.03/16.55 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,500/7,600 7,500/7,600 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33 33.93 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.เชื่อมั่นทุนสำรองทางการระหว่างประเทศของไทยแข็งแกร่งเพียงพอรองรับการลงทุนที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท.ติดตามภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และยังไม่เห็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง
โดยทุนสำรองทางการระหว่างประเทศตลอดระยะที่ผ่านมาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.47 อยู่ที่ระดับ 42,700 ล.ดอลลาร์
สรอ. ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดย ธปท.จะดูแลความเพียงพอของทุนสำรองทางการอย่างใกล้ชิด และเชื่อมั่นว่าแม้รัฐบาลจะมีการลงทุน
เพิ่มขึ้นในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในอนาคต ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศที่มีอยู่น่าจะเพียงพอต่อการใช้ในการซื้อสินค้าวัตถุดิบ และการนำ
เข้าเครื่องจักรเพื่อการลงทุนได้ (ข่าวสด)
2. ธปท.ชี้แจงปัญหาเอ็นพีแอลของไทยจะสามารถคลี่คลายลงได้จากการที่เศรษฐกิจขยายตัวและมาตรการเสริมของ ธปท.
นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีความ
เป็นห่วงการแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของไทย โดยชี้ว่ายังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านว่า ได้ชี้แจงปัญหา
หนี้เอ็นพีแอลของไทยต่อไอเอ็มเอฟแล้ว โดยแนวโน้มของเอ็นพีแอลกำลังปรับตัวลดลง เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจยังขยายตัวดีต่อเนื่องทำให้การ
ปรับโครงสร้างหนี้เป็นไปได้มาก นอกจากนี้ ธปท.ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอล 2 มาตรการที่จะออกมาในเวลาอันใกล้นี้ ได้แก่
มาตรการการหักลบหลักประกันก่อนการกันสำรองหนี้เอ็นพีแอลซึ่งจะประกาศใช้ในต้นเดือน ก.ค. ซึ่งจะทำให้ ธพ.ต้องสำรองหนี้เพิ่มขึ้นเท่ากับ
มูลค่าหลักประกัน 100% สำหรับเอ็นพีแอลที่ไม่ได้ปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งคาดว่า จะทำให้ ธพ.ปรับโครงสร้างหนี้ในส่วนเอ็นพีแอล
เกินกว่า 2 ปีได้หมดก่อนสิ้นเดือน ธ.ค.47 และมาตรการที่ 2 คือการแก้ไขกฎหมายให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) สามารถ
รับซื้อสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) จาก ธพ. ซึ่งจะช่วยให้เอ็นพีแอลลดลงเร็วขึ้น ด้านผู้อำนวยการสายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท. เปิดเผยว่า
เอ็นพีแอลสิ้นไตรมาสแรกปี 47 อยู่ที่ 617,573 ล.บาท หรือคิดเป็น 11.99% ของสินเชื่อรวม และเชื่อว่าจากการที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการของ ธปท. จะทำให้ยอดเอ็นพีแอลสิ้นปี 47 ลดลงเหลือ 10% ของสินเชื่อรวม ปี 48 อยู่ที่ 5-6% และ
ปี 49 อยู่ในภาวะปกติคือ 3-5% ของสินเชื่อรวม (โลกวันนี้, สยามรัฐ)
3. ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนแรกของปี งปม.47 สูงกว่าประมาณการและสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
โฆษก ก.คลัง เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รวมในช่วง 8 เดือนของปี งปม.47 (ต.ค.46-พ.ค.47) ว่า รัฐบาลจัดเก็บได้ 856,120
ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 21.9% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.3% คิดเป็นรายได้สุทธิ 751,789 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ
21.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% ทั้งนี้ การที่ผลการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร
และกรมสรรพสามิตเพิ่มขึ้น รวมถึงการนำส่งรายได้ของส่วนราชการอื่นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีรายได้พิเศษจากการขายหุ้นให้กองทุนรวมวายุภักษ์
หนึ่งจำนวน 25,075 ล.บาท ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้จากการขายหุ้นให้กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง รายได้สุทธิสูงกว่าประมาณการ 17.3% (โลกวันนี้)
4. ธ.กรุงไทยกำหนดเป้าหมายเป็น Convenience Bank ภายใน 3 ปี กรรมการผู้จัดการ ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า ธนาคารกำลังดำเนินการเป็น Processing Bank หรือธนาคารตัวกลางในการจัดการทางการเงินครบวงจร ซึ่งแบ่งเป็น 4 ด้าน
คือ 1) การรับชำระค่าบริการต่างๆ 2) การให้บริการในเรื่องการโอนเงิน เคลียริ่งเช็ค ฝากถอนเงินสด 3) การให้บริการสินเชื่อ รวมทั้งจด
จำนอง และ 4) การให้บริการทางการเงินเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติต่างๆ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน และกำหนด
เป้าหมายว่าภายใน 3 ปี ธ.กรุงไทยจะเป็น Convenience Bank หรือธนาคารสะดวกซื้ออย่างสมบูรณ์แบบ โดยในวันที่ 28 มิ.ย.47 จะมี
การลงนามในสัญญาการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้สาขาเซเว่นฯ ที่มีอยู่เป็นจุดให้บริการ
ทางการเงินของธนาคาร นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยในการทำโครงการไปรษณีย์แบงกิ้งในอนาคต อนึ่ง กระบวนการต่างๆ
ได้มีการสอบถาม ธปท.เรียบร้อยแล้วว่า สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกับธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ได้ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ.เพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษี สินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้จากจีนสูงถึงร้อยละ 198 เพื่อตอบโต้คู่แข่งขันจากจีน รายงานจากปักกิ่งเมื่อ
วันที่ 21 มิ.ย. 47 เพื่อตอบโต้ทางการค้าที่จีนทุ่มตลาดสินค้า สรอ.ได้จัดเก็บภาษีสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่นำเข้าจากจีนมูลค่า 1.2 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. ในอัตราสูงถึงร้อยละ 198 อย่างไรก็ตามอัตราการจัดเก็บดังกล่าวก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของผู้ประกอบการสรอ.บางส่วน
เพราะมีบริษัทส่งออกเตียงนอนไม้ประมาณร้อยละ 20 เท่านั้นที่เผชิญกับอัตราการจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงที่สุดในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ยังเสียภาษี
ในอัตราระหว่างร้อยละ 4.90 — 24.34 ทั้งนี้สมาคมผู้ผลิตสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของจีนได้ตำหนิการกระทำดังกล่าวว่าไม่เป็นธรรม แต่ยอมรับว่า
ได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากอัตราที่จัดเก็บยังไม่สูงมากนัก ในขณะที่ทางการจีนเห็นว่าไม่เป็นธรรมเนื่องจากจีนมิได้ทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว
ไปยังสรอ. อย่างไรก็ตามรมว.พาณิชย์ของจีนยังมิได้โต้ตอบแต่ประการใด ซึ่งครั้งนี้นับเป็นกรณีล่าสุดที่สรอ.ตอบโต้ทางการค้าจากจีนซึ่งส่วนใหญ่
ธุรกิจเอกชนขนาดเล็กอาจจะได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีตอบโต้ที่สูงถึงเกือบร้อยละ 200 ดังกล่าว อย่างไรก็ตามการกระทำครั้งนี้ของสรอ.
สร้างความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าเสรีของสรอ. การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นไปก่อนที่ นาย ดอน อีแวน รมว.พาณิชย์สรอ.มีกำหนดจะเยือนจีน
4 วัน คาดว่าจะมีการผลักดันเรื่องการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการปกป้องอุตสาหกรรมของสรอ. ทั้งนี้สรอ.ขาดดุลการค้ากับจีนทำสถิติสูงสุดถึง 124
พัน ล. ดอลลาร์สรอ.ในปี 46 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองในสรอ. ซึ่งผู้ประกอบการอุตสาห
กรรมจำนวนมากได้ตำหนิจีนที่ทำให้สรอ.สูญเสียงานไปเป็นจำนวนมากและที่สำคัญคือการที่จีนได้ผูกค่าเงินหยวนไว้ที่ประมาณ 8.28 หยวนต่อดอลลาร์
สรอ. ไม่ได้สะท้อนค่าเงินที่แท้จริงทำให้จีนได้เปรียบทางการค้าเนื่องจากต้นทุนการส่งออกต่ำส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของสรอ.
(รอยเตอร์)
2. เกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันดิบในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 รายงานจากโซล เมื่อ 21 มิ.ย.47 state-run Korea
National Oil Corp (KNOC) เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกได้นำเข้าน้ำมันดิบในเดือน
พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 ที่จำนวน 66.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันระดับชั้นนำในประเทศ คือ SK Corp
และ Hyundai Oilbank Corp มีการนำเข้าน้ำมันอย่างมาก แม้ว่าโรงกลั่นน้ำมันแห่งอื่น ๆ จะนำเข้าน้ำมันในระดับต่ำกว่าก็ตาม อย่างไรก็ตาม
นักวิเคราะห์เห็นว่าการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนนี้ (มิ.ย.) จะอยู่ในระดับเบาบาง เนื่องจากความต้องการในประเทศชะลอตัวรวมทั้งมีการสะสม
น้ำมันค่อนข้างมากและเพียงพอ ทั้งนี้จากการนำเข้าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.47 ทำให้เกาหลีใต้มีผลผลิตน้ำมันโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6
และสามารถส่งออกน้ำมันปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 ขณะที่มีการบริโภคในประเทศเพียงร้อยละ 0.6 เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และ
การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เห็นว่าการเก็บสะสมคลังน้ำมันจำนวนมากจะทำให้การนำเข้าน้ำมันดิบของ
โรงกลั่นน้ำมันลดน้อยลงได้ ทั้งนี้ คลังน้ำมันของภาคเอกชนสิ้นสุด ณ เดือน พ.ค.47 มีจำนวน 56.9 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ
56.7 ล้านบาร์เรลเมื่อสิ้นเดือนก่อน (รอยเตอร์)
3. ผลสำรวจคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน พ.ค.47 จะสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ระดับร้อยละ 2.0 รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 21 มิ.ย.47 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน พ.ค.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.0 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.43 และจะเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ผลจากราคาน้ำมันที่
สูงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของผู้บริโภค เช่น ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ light crude
ของ สรอ. เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 21 ปีในวันที่ 2 มิ.ย.47 ที่ 42.45 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ยังเป็นผลต่อเนื่องจาก
การที่ราคาสินค้าลดลงอย่างมากในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคไข้หวัด SARS ตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีก่อนและค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1 ปีที่
ผ่านมาจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นโดยขยายตัวถึงร้อยละ 11.2 ในไตรมาสแรกปีนี้จากไตรมาสสุดท้ายปีก่อน ธ.กลางสิงคโปร์ได้ปรับเพิ่ม
ประมาณการเงินเฟ้อในปีนี้จากร้อยละ 0.5 ถึง 1.5 เป็นร้อยละ 1.5 ถึง 2.0 ต่อปี โดยกรมสถิติของสิงคโปร์มีกำหนดจะเผยแพร่ตัวเลขดัชนี
ราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ค.47 อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มิ.ย.47 เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
4. มาเลเซียเรียกร้องให้ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกรวมกลุ่มกันทางด้านเศรษฐกิจ รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศ
มาเลเซีย เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.47 Abdullah Ahmad Badawi นรม.มาเลเซีย เรียกร้องให้ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวัน
ออกเฉียงใต้รวมกลุ่มกันทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อเผชิญความท้าทายจากการที่สหภาพยุโรปขยายตัวด้วยการเปิดรับประเทศสมาชิกใหม่ และเขตการ
ค้าเสรีของ สรอ. โดยกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องผนึกกำลังกันจัดทำโครงการเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออก เพื่อก่อตั้งประชาคมร่วมเศรษฐกิจ
เอเชียตะวันออก (East Asia Economic Community) ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ยุคสมัย ที่จะสร้างมาตรฐานให้เท่าเทียมกับ
สหภาพยุโรป ทั้งนี้ ข้อเสนอให้มีการรวมกลุ่มเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกได้ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดย Dr. Mahathir Mohamad อดีต
นรม.มาเลเซีย เป็นเวลากว่า 10 ปีมาแล้ว โดยให้มีการรวมกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งอาเซียนและเอเชีย
ตะวันออกเคยร่วมมือกันปรับปรุงระบบเศรษฐกิจหลังจากเกิดวิกฤติทางการเงินเมื่อปี 40-41 แต่ความคืบหน้าเป็นไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตาม
อาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้ร่วมมือกันจัดตั้งระบบแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลแข็งแบบทวิภาคี (bilateral hard-currency swaps)
ระหว่าง ธ.กลางด้วยกัน เพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากการเก็งกำไรค่าเงินของแต่ละประเทศ โดยในการประชุมที่ จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย
ได้มีการลงนามจัดตั้งระบบฯ มูลค่ารวม 36.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ นาย Badawi นรม.มาเลเซีย ยังเรียกร้องให้ประเทศ
ในภูมิภาคนี้จัดตั้งกองทุนการเงินอาเซียน เพื่อปรับปรุงความร่วมมือทางการเงิน แต่จะเป็นการส่งเสริมเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแทนที่ IMF
แต่อย่างใด (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22/6/47 21/6/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.901 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7033/40.9944 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 630.03/16.55 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,500/7,600 7,500/7,600 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33 33.93 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-